โบรกฯหนุนซื้อ บมจ.ซีเฟรชอินดัสตรี(CFRESH)คาดไตรมาส 3/55 ทำกำไรสุทธิเป็น new high เติบโต 70-80% จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากการรวมบริษัทย่อยในต่างประเทศ ประกอบกับมีสต็อควัตถุดิบที่ต้นทุนต่ช่วยหนุนมาร์จิ้น
กรณีญี่ปุ่นระงับการนำเข้ากุ้งจากอินเดีย มองผู้ส่งออกของไทยจะได้รับอานิสงก์ตามไปด้วย เพราะญี่ปุ่นถือเป็นตลาดสำคัญของไทย ขณะที่กรณีการตัด GSP จากอียู จะส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกกุ้งในปี 57 ซึ่งหวังให้รัฐบาลเดินหน้าเจรจา FTA กับยุโรปเพื่อช่วยผู้ส่งออกไทย
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท) บล.ฟิลลิป ซื้อ 12.00 บล.เคจีไอ ซื้อ 12.00 บล.โกลเบล็ก ซื้อเก็งกำไร N.A. บล.เกียรตินาคิน ซื้อ 10.50 บล.บัวหลวง ซื้อ 9.00 บล.คันทรี่ ซื้อ 10.80
นางสาวนารี อภิเศวตกานต์ นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)คาดไตรมาส 3/55 บริษัทจะมีกำไรสุทธิ 143 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 9% จากไตรมาสก่อน ผลของยอดขายเพิ่มขึ้นตามฤดูขาย จากการรวมผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยในต่างประเทศ อีกทั้งบริษัทมีสินค้าคงเหลือในราคาที่ถูกทำให้มาร์จิ้นยังดี โดยคาดว่าจะมียอดขายที่ 1.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 80% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และค่าใช้จ่ายพิเศษในการซื้อกิจการลดลง ขณะที่ทั้งปีประเมินว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิราว 400 ล้านบาท และจ่ายปันผลได้ 0.70 บาท
ส่วนการที่ญี่ปุ่นระงับการนำเข้ากุ้งจากอินเดีย มองว่าน่าจะเป็นผลดีต่อตลาดส่งออกของไทย เนื่องจากญี่ปุ่นถือเป็นตลาดสำคัญในเอเซีย หลังจากตลาดส่งออกหลักทั้งยุโรปและสหรัฐมีปัญหา แต่โดยรวมคงต้องมีการประเมินว่าญี่ปุ่นนำเข้ากุ้งจากอินเดียเป็นประเภท community หรือ value added
ขณะที่การตัดสิทธิ GSP จากสหภาพยุโรป(อียู)กับการส่งออกกุ้งของไทย น่าจะส่งผลกระทบระยะสั้น ซึ่ง CFRESH มีสัดส่วนส่งออกกุ้งที่ 40% แต่ไม่น่ากระทบผลดำเนินงานในปี 55-56 แต่น่าจะมีผลในปี 57 ซึ่งต้องรอดูว่ารัฐบาลจะเริ่มการเจรจา FTA กับยุโรปหรือไม่ เพราะหากมีการพูดคุยกันโดยเร็วก็น่าจะเป็นผลดีต่อผู้ส่งออกไทย เพราะหากภาครัฐไม่ช่วยก็น่าจะมีผลกระทบต่อการส่งออก ประกอบกับเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นด้วย
สำหรับความเสี่ยงทางธุรกิจของ CFRESH ในช่วงที่เหลือของปีน่าจะเป็นต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ในขณะที่การปรับราคาตามต้นทุนทำได้ยาก เพราะออเดอร์ได้มีการล็อคราคาไว้ก่อนแล้ว
ด้าน บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)มองว่า จากแนวโน้มผลการดำเนินงานที่โดดเด่นของ CFRESH โดยไตรมาส 3/55 คาดว่ามีกำไรทำ New high ที่ 147 ล้านบาท เติบโต 82% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และกำไร 3 ปีโตเฉลี่ย 28% ส่วนรายได้โต 10% จากไตรมาสก่อนจากปัจจัยฤดูกาล และราคากุ้งเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ต้นไตรมาส 3/55 ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นทรงตัวที่ระดับ 16.5%
นอกจากนี้ CFRESH มีสินค้าคงคลังในระดับที่สูงถึง 1.16 พันล้านบาท เป็นสต๊อกสินค้าคงคลัง สูงถึงประมาณ 2.0-2.5 เดือน ขณะที่ราคากุ้งในไตรมาส 3/55 ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยราคาเฉลี่ยปรับขึ้นราว 15% ทำอัตรากำไรขั้นต้นของ CFRESH มี Upside risk
สำหรับยอดขายในปี 56 คาดเติบโต 25% เป็น 7.3 พันล้านบาท จากการลงทุนขยายกำลังการผลิตของธุรกิจที่ประเทศอังกฤษ) ที่ลงทุนไว้ตั้งแต่ปลายปี 54 โดยประมาณการรายได้ปี 56 ยัง Conservative กว่าเป้าหมายของบริษัทที่ตั้งเป้า 8 พันล้านบาท
ประเมินว่าราคาหุ้นที่พักตัวอยู่ในระดับ 8-9 บาท ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา และ PER ล่าสุดที่ต่ำเพียง 9.7 เท่า (ค่าเฉลี่ย PER กลุ่มอาหาร 12 เท่า และ PE band ในอดีตสูงสุดที่ 15 เท่า) ยังไม่ได้สะท้อนแนวโน้มผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในอนาคตของ CFRESH