นายบุญยง ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ. ซิงเกอร์ ประเทศไทย(SINGER) กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรจากต่างประเทศ 4-5 ราย ทั้งจากจีนและอินเดียที่ต้องการมอบหมายให้ SINGER เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าในประเทศไทย และจะรองรับตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)ในปี 58 โดยสินค้าดังกล่าวอยู่ในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า และตู้แช่ เป็นต้น คาดว่าจะได้ข้อสรุปในต้นปี 56
"ตอนนี้มีหลายรายติดต่ออยากให้เราเป็น distributor เพราะเมื่อเปิด AEC สินค้าจะมีตลาดกว้าง แต่สินค้าบางบริษัทเช่นจากจีน แบรนด์ยังไม่รู้จักดี...เรากำลังดูว่า product อยู่ในไลน์ธุรกิจเราหรือเปล่า"นายบุญยง กล่าว
ขณะที่การขยายธุรกิจเข้าไปในประเทศพม่า นายบุญยง กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทกำลังศึกษาความเป็นไปได้ แต่ก็เห็นว่าธุรกิจเทรดดิ้งเป็นธุรกิจที่รัฐบาลพม่ายังไม่ได้สนับสนุน เพราะต้องการให้ความสำคัญกับธุรกิจที่มีการจ้างงานจำนวนมากมากกว่า รวมทั้งการเจรจากับนักลงทุนท้องถิ่นก็ยากขึ้น เนื่องจากมีหลายรายติดต่อผ่านเข้าไปเช่นกัน ประกอบกับตลาดยังไม่มีความพร้อม และระบบธนาคารในพม่าก็ยังไม่ดี ดังนั้น บริษัทคงจะชะลอไปก่อน และรอโอกาสที่พม่ามีความพร้อมจึงจะเข้าไป
อย่างไรก็ตาม บริษัทจะใช้สาขาที่อยู่ตามจังหวัดชายแดนที่มีพื้นที่ติดต่อกับพม่า ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย รวม 44 สาขา ใน 27 จังหวัด รุกตลาดประเทศเพื่อนบ้านแทนการเข้าไปขยายธุรกิจโดยตรงในแต่ละประเทศ ซึ่งมองว่าเป็นกลยุทธ์ป่าล้อมเมือง
นายบุญยง กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทได้ปรับโครงสร้างบริษัทเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ โดยได้มีการจัดตั้งบริษัท ซิงเกอร์ ลิสซิ่ง (ประเทศไทย)ซึ่ง SINGER ถือหุ้น 100% เพื่อให้บริษัทย่อยดังกล่าวทำธุรกิจขายผ่อนแทน SINGER คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในปีหน้า ขณะเดียวกัน SINGER จะหันมาเน้นการขายแบบขายส่งและขายผ่านดีลเลอร์
นอกจากนี้ บริษัทจะรุกให้บริการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า ภายใต้บริษัท ซิงเกอร์ เซอร์วิสเซส จำกัด โดยที่ผ่านมาได้รับการตอบรับดีมากที่มีลูกค้ามีให้ซ่อมเครื่องปรับอากาศ ที่เปิดให้บริการซ่อมไปเมื่อเดือน มี.ค. 55 และในเดือน ต.ค. 55 บริษัทย่อยดังกล่าวจะเปิดให้บริการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด ทุกยี่ห้อ
"ปีนี้ เรา transfer ธุรกิจที่แม่ทำให้บริษัทลูก และแม่เองก็จะเข้าไปทำธุรกิจ holdsale และ ดีลเลอร์...เราเชื่อว่า AEC เป็นโอกาส ให้เราเข้าถึงสินค้าที่ถูกมีคุณภาพ ที่นำมาทำธุรกิจเงินผ่อนได้ เราไม่มีโรงงานเรามีโอกาสเลือกสินค้าดีและถูกเข้ามาได้"กรรมการผู้จัดการ SINGER กล่าว
ปัจจุบัน SINGER มีลูกหนี้อยู่ 1.6 แสนราย รวมมูลค่า 2,200 ล้านบาท และคาดว่า สิ้นปี 55 ฐานลูกหนี้จะเพิ่มเป็น 1.7 แสนราย มูลค่ารวม 2,500 ล้านบาท สูงกว่าในอดีตที่เคยมีจำนวนลูกหนี้สูงถึง 2 แสนราย แต่มีมูลค่ารวม 2,200 ล้านบาท แสดงว่าลูกหนี้ต่อรายมีมูลค่ามากขึ้น เนื่องจากบริษัทนำสินค้าเชิงพาณิชย์เข้ามาจำหน่ายมากขึ้น เช่น ตู้เติมเงินมือถือ ตู้แข่ เป็นต้น
นายบุญยง ยังคาดว่า รายได้ในไตรมาส 4/55 จะเติบโต 20% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยในไตรมาสนี้ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในกล่มเชิงพาณิชย์ คือ เครื่องทำน้ำแข็งเกล็ดหิมะที่ขายได้แล้วกว่า 200 ตัว ทั้งนี้ ใน 3 ไตรมาสที่ผ่านมา ทุกไตรมาสสามารถทำรายได้เติบโตประมาณ 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ดังนั้น จึงมั่นใจว่ารายได้ของบริษัทในปีนี้จะเติบโตได้ 20% ตามเป้าหมาย