บมจ.ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป(CWT)เปิดเผยว่า บริษัทใกล้จะได้รับเลือกให้เป็นผู้พัฒนาสินค้าหนังผืนให้กับลูกค้ารายใหม่และรายเก่าจากประเทศอินเดียและอินโดนีเซีย มูลค่ารวม 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คาดเริ่มส่งออกได้ตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีหน้าเป็นต้นไป เป็นช่องทางรายได้ใหม่ในขณะที่ตลาดในประเทศกำลังเติบโตเช่นกัน
นายวีระพล ไชยธีรัตต์ กรรมการผู้จัดการ CWT กล่าวว่า นอกเหนือจากตลาดในประเทศที่ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นปีตามภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ได้ปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการรถยนต์คันแรกในขณะนี้บริษัทฯ ยังได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดส่งออกมากขึ้นอีกด้วย โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ มีนโยบายมุ่งเน้นการทำตลาดในประเทศที่กำลังเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะประเทศอินเดีย และอินโดนีเซีย ซึ่งนับเป็นตลาดใหม่สำหรับบริษัทของคนไทย
และนอกเหนือจากในสองประเทศดังกล่าวบริษัทฯ คงให้ความสำคัญและมองหาโอกาสในการทำการตลาดในประเทศอื่นๆ อีกด้วย เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงและการแข่งขันภายในประเทศกับบริษัทของคนไทยเท่านั้น
นายวีระพล กล่าวว่า ผลจากการมุ่งทำตลาดในกลุ่มประเทศที่กำลังเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ล่าสุดบริษัทฯ ได้รับเลือกให้เป็นผู้พัฒนาสินค้าหนังผืนให้กับลูกค้าจากประเทศอินเดียและอินโดนีเซีย ทั้งที่เป็นลูกค้าเดิมและลูกค้ารายใหม่ เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ได้รับงานเป็นปกติอยู่แล้ว โดยในปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างการยื่นขออนุมัติตัวอย่าง และยื่นเสนอราคา โดยออเดอร์ใหม่มีมูลค่ารวมกันประมาณ 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
“คาดว่ามีโอกาสได้รับงานดังกล่าวสูงกว่า 90% แล้ว แม้ในขณะนี้บริษัทฯ จะยังไม่ได้รับเอกสารยืนยันการสั่งออเดอร์จากทางลูกค้า แต่อย่างไรก็ดีในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ หากบริษัทฯ ได้เลือกให้เป็นผู้พัฒนาสินค้า และให้ยื่นราคาแล้วนั้น นับเป็นการแสดงเจตนากันแล้ว" นายวีระพล กล่าว
ทั้งนี้ หากการยืนเสนอราคาออเดอร์ใหม่เป็นไปตามคาดการณ์และบริษัทฯ เป็นผู้ได้รับเลือกให้เป็นผู้ผลิตคาดว่าจะเริ่มส่งออกออเดอร์ใหม่ดังกล่าวได้ภายในไตรมาสแรกของปี 56 เป็นต้นไป นอกจากนี้บริษัทฯ มีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศให้มากขึ้นรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 58 ปัจจุบันมีรายได้จากต่างประเทศ 30% และในประเทศ 70%
“การได้รับออเดอร์ใหม่จากต่างประเทศอย่างต่อเนื่องถือเป็นการตอกย้ำเป้าหมายของบริษัทฯ ในการมุ่งไปยังตลาดส่งออกโดยเฉพาะประเทศในกลุ่มอาเซียนและอินเดีย ซึ่งกำลังมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจและความต้องการสินค้าที่สูง ถือว่าได้เพิ่มตลาดและแหล่งรายได้ใหม่นอกเหนือจากการแข่งขันในประเทศ อย่างไรก็ตามความต้องการในประเทศยังคงมีการเติบโตด้วยเช่นกัน" นายวีระพล กล่าว