นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการคนใหม่ บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) คาดว่า ในปี 55 บริษัทจะมีรายได้และกำไรสุทธิ ทำสถิติสูงสุด โดยปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ราว 1.8-1.9 หมื่นล้านบาทจากปีก่อนที่มี 1.48 หมื่นล้านบาท
งวดครึ่งแรกปี 55 บริษัทมีรายได้ 8.77 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 567 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น(Gross Profit Margin) 9.3% จาก 8.3% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนครึ่งปีหลังคาดว่าจะมีรายได้ใกล้เคียงกับครึ่งแรก และอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin)จะใกล้เคียงครึ่งแรกที่ทำได้ 6.5% จากปีก่อน 6%
พร้อมตั้งเป้ารายได้ในช่วงปี 56-58 จะเติบโตปีละ 15-20% โดยบริษัทจะหางานในมือรองรับรายได้อย่างต่อเนื่อง
“นโยบายของผมจะเน้น bottom line (กำไร) ส่วน Top line (รายได้)ของเราโตแน่ๆ แต่ว่าเราจะไม่อยากโตอย่างก้าวกระโดด ทำเยอะแล้วทำกำไรไม่มากก็ไม่เอา“นายภาคภูมิ กล่าว
ปัจจุบัน STEC มีงานในมือ(Backlog) อยู่ที่ 5.86 หมื่นล้านบาท และมีงานรอเซ็นสัญญาอีก 1.9 หมื่นล้านบาท รวมราว 7 หมื่นล้านบาท เมื่อรับรู้เป็นรายได้ส่วนหนึ่งก็คาดว่าสิ้นปี 55 จะมี Backlog อยู่ที่ 6 หมื่นล้านบาท
นายภาคภูมิ กล่าวว่า ในช่วง 5 ปีข้างหน้า จะมีงานภาครัฐที่เป็นระบบสาธารณูปโภค มูลค่าลงทุน 2.2 ล้านล้านบาท ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ สายสีชมพู ช่วงแคราย-ปากเกร็ด-มีนบุรี และสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-มีนบุรี , โครงการรถไฟความเร็วสูง, โรงการรถไฟรางคู่ มูลค่ารวม 1.7 หมื่นล้านบาท , โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ที่มี 5 เส้นทาง มูลค่ารวม 1.8 แสนล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่า STEC มีแนวโน้มจะได้งานประมาณ 30% ของงานที่เข้าประมูล
“STEC พร้อมเข้าร่วมประมูลทุกงาน เราสนใจทุกงานและเป็นโอกาสดี เพราะยังมีงานสาธารณูปโภคอีกมาก"นายภาคภูมิ กล่าว
นายภาคภูมิ กล่าวว่า ขณะนี้สัดส่วนงานภาครัฐสูงขึ้นเป็น 60-70% ส่วนภาคเอกชนอยู่ที่ 30-40% ตามงานที่ออกสู่ตลาดแต่ก็จะพยายามจัดสัดส่วนงานภาครัฐและเอกชนให้ใกล้เคียงกัน
ขณะเดียวกันบริษัทมีความแข็งแกร่งทางการเงิน เนื่องจากมีหนี้สินน้อยมาก และเงินสด ณ สิ้น มิ.ย.55 อยู่ที่ 4.6 พันล้านบาท มีผลต่อการต่อรองราคาวัสดุก่อสร้างให้กับบริษัทได้ดีขึ้น ขณะที่บริษัทได้เตรียมหาแรงงานต่างด้าวมารองรับงานที่ขยายตัว โดยปัจจุบันมีสัดส่วนแรงงานต่างด้าวจากพม่าและกัมพูชาประมาณ 2 พันคน หรือคิดเป็น 20% ของแรงงานทั้งหมด 1 หมื่นคน ซึ่งได้ขอแรงงานต่างด้าวผ่านกระทรวงแรงงาน 7-8 พันคนรองรับงานในอนาคตไว้แล้ว
นายภาคภูมิ กล่าวยืนยันว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ STEC และเป็นว่าที่หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยที่อยู่ในซีกฝ่ายค้านไม่ได้มีส่วนเข้ามาบริหารงานใน STEC หรือเข้ามาชี้นำการบริหารแต่อย่างใด และไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเข้ารับงานภาครัฐของบริษัท เพราะงานที่ได้รับจะเป็นงานที่เสนอราคาต่ำที่สุด