ส่วนการเพิ่มทุนในครั้งนี้ 708 ล้านหุ้นที่เสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราจัดสรร 1 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ โดยเสนอขายในราคาหุ้นละ 14.00 บาทนั้น นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ ผู้ถือหุ้นใหญ่ TTA จะใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุน
อนึ่ง รายงานของก.ล.ต.ระบุ นายเฉลิมชัย ซื้อหุ้น TTA เพิ่มอีก 5.008% เมื่อ 10 ต.ค.55 รวมถือ 19.17%
ม.ล.จันทรจุฑา จันทรทัต กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนตซีส์ (TTA) กล่าวว่า ในงวดปี 56 (ต.ค.55-ก.ย.56) ผลประกอบการจะดีกว่างวดปี 55 ทั้งในแง่ของรายได้และพลิกกลับมาเป็นกำไรได้ โดยมาจากด้ารงานวิศวกรรมใต้น้ำของเมอร์เมด เมอร์ริไทม์ ซึ่งยังสร้างรายได้ที่ดี ในขณะที่ธุรกิจเดินเรือ ยังมีแรงกดดันจากปริมาณซัพพลายเรือในตลาด
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้แม้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่ความต้องการใช้เรือยังเพิ่มขึ้น 5-7% แต่ยังเกิดภาวะ over supply ของเรือในตลาด ดังนั้นในช่วง 1-2 ปี ความต้องการใช้เรือยังเพิ่มขึ้น 4-5% ขณะที่ค่าระวางเรือน่าจะทรงตัวที่ระดับ 10,000 เหรียญสหรัฐ/วัน ต่อไปอีก 12 เดือน
ด้านนายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการ TTA กล่าวว่า ในส่วนของเมอร์เมดฯ ได้มีการเซ็นสัญญางานวิศวกรรมใต้น้ำ เป็นสัญญา 5 ปี มูลค่า 530 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยคิดเป็นรายได้ราว 60-70% ของมูลค่าโครงการ ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีของการทำสัญญาในระยะยาวมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อรายได้ที่มั่นคงและมีเสถียรภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีงานขุดเจาะ (jack-up rig) สัญญา 3 ปี มูลค่างาน 197 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะเริ่มงานใน มิ.ย.56
สำหรับการขายหุ้นเพิ่มทุน TTA จำนวน 7.08 แสนหุ้น ขายให้ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคา 14 บาท โดยตนเองซึ่งปัจจุบันถือหุ้น 19% พร้อมใช้สิทธิเพิ่มทุนตามสัดส่วนถือหุ้น คาดใช้เงินราว 2 พันล้านบาท ยืนยันเป็นการลงทุนในระยะยาวเพราะมีความมั่นใจในธุรกิจต่างๆของบริษัท และมีเป้าหมายการลงทุนเพื่อให้บริษัทมีการเติบโตอย่างมั่นคง ซึ่งตนเองจะได้รับผลตอบแทนในแง่ปันผล
"เราใช้ราคา discount มั่นใจผู้ถือหุ้นทุกรายใช้สิทธิทั้งหมด ตอนนี้ไม่มีการหานักลงทุน PP มารองรับ...การเพิ่มทุนครั้งนี้อาจทำให้โอกาสธุรกิจฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้" นายเฉลิมชัย กล่าว
นอกจากนี้ยอมรับว่า บริษัทพร้อมที่จะขยายการลงทุนในธุรกิจเดิม และมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจใหม่ๆ หากมีโอกาส ซึ่งพร้อมที่จะมีพันธมิตรทางธุรกิจสับสนุน ซึ่ง TTA ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาได้เปลี่ยนแปลงการดำเนินธุรกิจจากเดิมที่ถูกมองว่าเป็นบริษัทเดินเรือ ได้กลายมาเป็น Holding Company และพื้นฐานพร้อมที่จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด