นอกจากนั้น บริษัทยังจะขยายการลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ในแถบอาเซียนเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) โดยคาดว่าจะเปิดตัวโครงการใหม่ได้แน่นอนในปีหน้า และขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะลงทุนด้วยตัวเองทั้งหมด หรือเข้าไปร่วมทุนกับนักธุรกิจท้องถิ่น เพราะในบางประเทศยังไม่อนุมัติให้ต่างชาติซื้อที่ดิน แต่หากประเทศใดอนุญาตก็จะเข้าไปลงทุนเองทั้งหมด คาดว่าจะได้ข้อสรุปแผนลงทุนในช่วงต้นปี 56
นายอธิป กล่าวว่า ทิศทางอสังหาริมทรัพย์ไทยกำลังเจริญเติบโตไปอย่างช้า ๆ จากปัญหาความกังวลต่อภัยธรรมชาติ ในปีนี้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เติบโตราว 5% แต่ปีหน้าน่าจะเติบโตได้ 10% เนื่องจากกำลังซื้อในประเทศยังดีอยู่ ไม่มีปัญหาภายในมากนัก ขณะที่ความกังวลเรื่องอุทกภัยก็ผ่านพ้นไปแล้ว ประกอบกับในปีหน้าการปรับค่าจ้างขั้นต่ำและฐานเงินดือนผู้จบปริญญาตรีน่าจะมีผลทั่วประเทศ ซึ่งส่งผลต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ด้วย
บริษัทมองว่าโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่จะเติบโตมากที่สุด คือ โครงการตามแนวรถไฟฟ้าในกทม. ภูเก็ต ชลบุรี ระยอง พัทยา อุดรธานี ขอนแก่น และเชียงใหม่ ในปีหน้าอัตราการเจริญเติบโตของอสังหาริมทรัพย์ของภูมิภาคต่าง ๆ จะเติบโตกว่าในกทม. ขณะที่แนวโน้มใน 4-5 ปีข้างหน้า สัดส่วนการเจริญเติบโตของโครงการประเภทอาคารสูงจะกลายเป็น 2 ใน 3 ส่วนที่เหลือเป็นบ้านแนวราบ
นายอธิป กล่าวว่า ปีหน้าราคาอสังหาริมทรัพย์ในตลาดรวมก็จะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 5-10% ตามต้นทุนที่ดินและค่าวัสดุก่อสร้างที่มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ และอาจจะมีปัจจัยลบบ้างในเรื่องการขาดแคลนแรงงานและการใช้แรงงานต่างด้าวอาจจะถูกกีดกันด้วยข้อกฎหมายต่าง ๆ