นางศรัณยา กระแสเศียร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เซจ แคปปิตอล จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ PTG เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมข้อมูลไฟลิ่งคาดว่าจะยื่นได้ในปลายเดือน พ.ย.นี้ คาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ในต้นปีหน้า
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PTG ผู้ให้บริการสถานีน้ำมันพีที กล่าวว่า บริษัทคาดว่าในปี 55 จะมีรายได้เกินกว่า 40,000 ล้านบาท ถือว่าเติบโตเกินกว่าเป้าหมาย เพราะในช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมาทำรายได้แล้วกว่า 30,000 ล้านบาท สูงกว่าทั้งปีก่อนที่มีรายได้กว่า 2 หมื่นล้านบาท ขณะที่ช่วงปลายปีจะเป็นช่วงที่มีผลประกอบการดีที่สุดในรอบปีอยู่แล้ว
บริษัทเชื่อว่าในปี 56-57 จะมีความเห็นความชัดเจนในการเจริญเติบโตมากขึ้น โดยล่าสุดบริษัทฯได้บรรลุข้อตกลงที่จะร่วมกับบริษัท ดอยช้าง คอฟฟี่ออริจินอล จำกัด ผู้เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์“กาแฟดอยช้าง"กาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า คุณภาพดีที่สุดของคนไทยที่โด่งดังไปทั่วโลก โดยผลิตภัณฑ์ของดอยช้างจะเข้ามาจำหน่ายในร้านกาแฟ"พันธุ์ไทย"ที่จะเปิดให้บริการในสถานีบริการน้ำมันพีที ซึ่งจะมีการเปิดสาขาแรกในกลางเดือน ธ.ค.นี้ที่สถานีบริการน้ำมันบางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา
และตั้งเป้าขยายสาขาร้านกาแฟ"พันธุ์ไทย"ในปั๊มน้ำมันพีทีในปี 56 อีก 20 สาขา งบลงทุนในแต่ละสาขาจะอยู่ที่ 1.5-2.5 ล้านบาทขึ้นอยู่กับขนาด และบริษัทยังมีแผนจะเปิดมินิมาร์ทในปั้มน้ำมันด้วย โดยจะใช้เงินลงทุนที่ 4-5 ล้านบาทต่อสาขา และคาดว่าอาจจะตั้งแบรนด์ของตัวเองขึ้นมาชื่อว่า Max Mart
ปัจจุบัน PTG มีปั้มน้ำมันทั้งหมด 540 แห่ง จะแบ่งเป็นลงทุนเอง 300 กว่าแห่ง และเป็นการเช่าอีก 100 กว่าแห่ง คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีปั้มน้ำมันเพิ่มเป็น 560 แห่ง และในปี 56 คาดว่าจะมีการเปิดเพิ่มอีกอย่างน้อย 100 แห่ง ส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนเอง และคงจะเน้นการขยายไปในพื้นที่ภาคอีสานเหมือนกับช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
นายพิทักษ์ กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้ PTG เติบโตได้เร็วและได้เปรียบในตลาด เพราะมีคลังน้ำมันของตัวเองถึง 7 แห่งกระจายไปในพื้นที่ต่างๆ เช่น แม่กลอง จ.สมุทรสงคราม ,จ.ชุมพร ,อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ,อ.เมือง จ.ลำปาง เป็นต้น และมีรถขนส่งน้ำมันเป็นของตัวเองถึง 243 คัน และในปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 65-70 คัน
และสิ่งที่ได้เปรียบอีกประการหนึ่งคือ ทำเลที่ตั้งของปั้มพีทีส่วนใหญ่ที่อยู่ในถนนสายรองมากกว่า และมีลูกค้าประจำเป็นกลุ่มรถบรรทุก รถเพื่อการเกษตร และรถกระบะ เป็นฐานลูกค้าสำคัญที่ใช้บริการอย่างสม่ำเสมอ ไม่เหมือนกับปั๊มน้ำมันแบรนด์อื่นๆ ที่เน้นทำเลถนนสายหลักและนักท่องเที่ยวมากกว่า จึงทำให้รายได้ไม่สม่ำเสมอ
ขณะนี้สัดส่วนการขายน้ำมันของบริษัทจะเป็นดีเซล 75% และกลุ่มเบนซิน 25%
ด้านนายฉลอง ติรไตรภูษิต ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบริหารทั่วไป กล่าวว่า ในอนาคตหากมีการปล่อยลอยตัวราคาน้ำมัน บริษัทก็อาจจะพิจารณาเพิ่มสายธุรกิจไปลงทุนในด้านของก๊าซด้วย