ขณะที่ค่า PE ตลาดหุ้นไทยแม้จะขึ้นมาสูง แต่ถือว่ายังไม่แพงเมื่อเทียบกับตลาดอื่น เช่น สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เพราะฉะนั้นความน่าสนใจตลาดหุ้นไทยยังมีอยู่ แต่ให้ระวังความผันผวนจากปัจจัยภายนอก และเศรษฐกิจในประเทศหลังปรับขึ้นค่าแรง
"ช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีนี้ถึงสิ้นปีดัชนีอาจย่ำฐาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะปรับขึ้นมาพอควรในปีนี้ ทำให้เป็นตลาดที่ให้ผลตอบแทนที่ดีสุดในโลกตลาดหนึ่ง การย่ำฐานก็เพื่อให้มั่นคงสร้างความสบายใจให้นักลงทุน"นางภัทธีรา กล่าว
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในปีหน้าอาจจะยากขึ้น เพราะราคาหุ้นปรับขึ้นมามากแล้วในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ในภาวะที่เศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปมีปัญหา ขณะที่เศรษฐกิจจีนน่าจะเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้นในแง่ของการเติบโต จึงต้องระวังไม่ให้ดึงเงินจากเราไป ด้วยการรักษาความน่าสนใจในตลาดหุ้นไทยให้ยังคงอยู่
ส่วนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐก็ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดเพราะหากนายบารัค โอบามา ชนะการเลือกตั้งก็จะเห็นความต่อเนื่องในเรื่องนโยบายหลักๆ ตลาดหุ้นก็จะไม่ถูกกระทบ แต่หากนายมิตต์ รอมนีย์ ชนะการเลือกตั้ง การเมืองสหรัฐก็จะพลิกโฉมหน้า รัฐบาลก็อาจจะปรับแผนเศรษฐกิจ รวมถึงนโยบายการเงินการคลัง ซึ่งก็ยังต้องจับตาอย่างใกล้ชิด
นางภัทธีรา กล่าวว่า ปี 56 หวังว่าวอลุ่มซื้อขายในตลาดตราสารอนุพันธ์ (TFEX) น่าจะโตขึ้น เพราะยังมีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก ตั้งเป้าหมายสัญญาซื้อขายที่มากกว่า 5 หมื่นสัญญา/วัน น่าจะดีเป็นแนวโน้มว่านักลงทุนต่างประเทศยังเข้ามาเสริมศักยภาพการเติบโตได้อีกในอนาคต ที่ผ่านมาต่างชาติเทรด TFEX เฉลี่ยราว 7% แต่ 2 เดือนหลังนี้มากกว่า 10% เป็นสัญญาณที่ดีเป็นการเสริมสภาพคล่องและช่วยดึงความน่าสนใจนักลงทุนให้เข้ามาซื้อขายมากขึ้น
สมาคมฯ ยังคงมุ่งขยายฐานนักลงทุน ช่วยให้นักลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนอย่างมั่นคงสม่ำเสมอ เพิ่มมูลค่าคำแนะนำ อาจจะเป็นการเทรดผสมระหว่างหุ้นและ ETF เพื่อกระจายความเสี่ยงมากขึ้น ปีหน้าหุ้นขนาดกลางจะมีบทบาทมากขึ้น เพราะหุ้นใหญ่ราคาสูงมากแล้ว เป็นโอกาสดีของหุ้นกลาง และหุ้นในตลาด mai หรือ SET 51-150