การเติบโตของ AUM จะมาจากทุกส่วนธุรกิจ โดยสัดส่วนธุรกิจละ 20% ได้แก่ กองทุนรวม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนส่วนบุคคล และกองทุนอสังหาริมทรัพย์
นายวิน กล่าวว่า ในส่วนของกองทุนรวม บริษัทมีแผนจะออกกองทุนประเภทที่มีกลยุทธ์การลงทุนและการบริหารเชิงรุก เพื่อสร้างผลตอบแทน เช่น กลุ่มกองทุน ONE-WEALTH ออกอีก 4 กอง,กอง ONE-FLEXACTIVE ออกเพิ่ม 4 กอง และกองทุน ETF ภายใต้แบรนด์ ThaiDEX รวมทั้งกองทุนอสังหาฯคาดว่าจะเติบโตอีก 20% โดยมีแผนจะออกกองทุนใหม่เพิ่ม รวมทั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่ง TDEX ขนาดเพิ่มขึ้น 150% ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 6,100 ล้านบาท จากต้นปี 2,200 ล้านบาท ถือเป็น ETF ที่เด่นของเรา
สำหรับการลงทุนในกองทุนอสังหาฯ ปี 56 มองแนวโน้มดี อัตราผลตอบแทนที่ 7-8% เป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนได้ เนื่องจากการเติบโตของพื้นที่เศรษฐกิจจากส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า ตลาดยังอยู่ในช่วงขาขึ้นจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และ AEC รวมทั้งแนวโน้มการบริโภคในประเทศเพิ่มขึ้น รายได้เพิ่มขึ้น และอัตราดอกเบี้ยยังอยู่อยู่ระดับต่ำ ทั้งหมดนี้ยังเอื้อต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 1-2 ปีนี้
ขณะที่บริษัทก็อยู่ระหว่างการรอหลักเกณฑ์การจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trusts : REITs) ปลายปีนี้
ณ สิ้นเดือน ต.ค.55 บริษัทมี AUM เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 54 ที่ 6.4 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 10.80% โดยเป็นการเติบโตของกองทุนรวม 42% เป็น 3.1 หมื่นล้านบาท จาก 2.1 หมื่นล้านบาท และการเติบโตของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 41% เป็น 941 ล้านบาท จาก 660 ล้านบาท ซึ่งปี 56 มีแผนจะเติบโตอีกมาก
ขณะที่กองทุนส่วนบุคคลลดลงเหลือ 2.2 หมื่นล้านบาท จาก 2.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งก็เป็นไปตามภาพรวมอุตสาหกรรมที่ลดลง 7% แต่จำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นแม้ขนาดจะลดลงก็ตาม ส่วนกองทุนอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็น 1.7 หมื่นล้านบาท จาก 1.6 หมื่นล้านบาท