บมจ.แอร์โรว์ ซินดิเคท(ARROW)เดิมชื่อ บริษัท เจ.เอส.วี.ฮาร์ดแวร์ จำกัด(JSVH) ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายท่อร้อยสายไฟฟ้า ท่อประปา สามารถแบ่งผลิตภัณฑ์ได้ดังนี้ 1.ท่อร้อยสายไฟและข้อต่าง ๆ ภายใต้เครื่องหมายการค้า Arrowpipe และ Arrowtite 2.ท่อน้ำประปาและข้อต่อต่างๆ ภายใต้เครื่องหมายการค้า ArrowPP-R
ARROW จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน(IPO)50 ล้านหุ้น โดยเสนอขายต่อประชาชน 45 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อกลุ่มพนักงานของบริษัทและบริษัทย่อยจำนวน 5 ล้านหุ้น โดยมีบล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
*เดินหน้าลด D/E พร้อมแผนขยายกำลังการผลิต
นายธานินทร์ กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทฯมีหนี้สินระยะยาวประมาณ 20 ล้านบาท และมีหนี้สินระยะสั้นประมาณ 300 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะเป็นหนี้การค้าที่ซื้อวัตถุดิบ โดยสัดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)ของบริษัทฯอยู่ที่ 1.79 เท่า ซึ่งบริษัทฯจะพยายามทำให้ D/E ลดเหลือแค่ 1 เท่า บริษัทจะนำเม็ดเงินระดมทุนจาก IPO ไปใช้ชำระหนี้ส่วนหนึ่ง
"แม้ว่า D/E ของเราตอนนี้จะยังมีอยู่สูง แต่เราก็จะพยายามให้ลดเหลือแค่ 1 เท่าก็พอ ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะส่วนใหญ่จะเป็นหนี้ระยะสั้น...ตอนนี้บริษัทฯมีกำไรสะสมอยู่ 97 ล้านบาท ซึ่งปีนี้ก็คาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้ แต่จะจ่ายเท่าไรต้องผ่านมติบอร์ดก่อน"นายธานินทร์ กล่าว
พร้อมกันนั้น บริษัทยังมีโครงการที่จะขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับการเติบโตสำหรับโครงการในปี 56 บริษัทฯคาดว่าจะใช้เม็ดเงินลงทุนรวมแล้วประมาณ 50 ล้านบาท เป็นโครงการเพิ่มกำลังการผลิตในขั้นตอนตัดเหล็กและเตรียมวัตถุดิบ สำหรับรองรับการขยายตัวของตลาดท่อระบายอากาศและท่อก่อสร้าง โดยบริษัทฯจะซื้อที่ดินประมาณ 3.5 ไร่ที่ อ.พานทอง จ.ชลบุรี มูลค่า 13 ล้านบาท เพื่อใช้ก่อสร้างขยายโรงงานสำหรับติดตั้งเครื่องจักรตัดเหล็กที่ใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต
นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการผลิตท่ออ่อนชนิดอลูมินัมฟรอยส์สำหรับงานระบบปรับอากาศและระบายอากาศ ซึ่งบริษัทฯจะซื้อเครื่องจักรจากประเทศจีนใช้เงินประมาณ 2 ล้านบาท แต่หากรวมกระบวนการต่าง ๆ แล้วจะใช้เงินประมาณ 5 ล้านบาท อีกทั้งยังมีโครงการขยายกำลังการผลิตท่อเหล็กอ่อนกันน้ำร้อยสายไฟด้วย
*ตั้งเป้ายอดขายปีหน้าไว้ที่ 1 พันลบ.สูงกว่าปีนี้ที่คาดทำได้ 700 ลบ.
กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายทางการตลาดในปี 56 ไว้ที่ 1,000 ล้านบาท จากปีนี้คาดว่าจะทำยอดขายได้ 700 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกบริษัทมียอดขายแล้วกว่า 370 ล้านบาท ขณะที่บริษัทฯคาดหวังว่ารายได้ภายหลังเข้าตลาดหลักทรัพย์จะเติบโตมากกว่าปกติที่เคยเติบโตในระดับ 17-18% ส่วนปีนี้รายได้ของบริษัทฯก็คงจะเติบโตประมาณ 17-18% เหมือนทุกปีที่ผ่านมา
"ปัจจุบันขนาดตลาดท่อร้อยสายไฟฟ้าในประเทศไทยมีอยู่ประมาณ 1,500-1,600 ล้านบาท ซึ่งเราก็กินส่วนแบ่งมาได้ประมาณ 600-700 ล้านบาท เรียกได้ว่าติด TOP 3 ถือว่าเป็นที่น่าพอใจแล้ว"กรรมการผู้จัดการ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯในช่วงครึ่งปีหลังนี้(H2/55)คาดว่าจะทำผลกำไรได้ดีกว่าในครึ่งปีแรก(H1/55) จากสถิติในวงการก่อสร้างที่มักจะดีในช่วงครึ่งปีหลัง
ทั้งนี้ รายได้หลักของบริษัทฯคงมาจากการขายท่อร้อยสายไฟฟ้าซึ่งมีสัดส่วนถึง 65%, รายได้จากการขายท่อก่อสร้างมีสัดส่วน 20% และอีก 10% เป็นรายได้จากการขายท่อระบายอากาศ ส่วนท่อประปาประเภท PP-R บริษัทฯพึ่งทำการขายมาปีกว่าๆ เท่านั้นดังนั้นกำลังการผลิตจึงยังมีไม่มากแค่ 10% ของกำลังการผลิตรวม
บริษัทฯมีสัดส่วนการการขายสินค้าท่อร้อยสายไฟฟ้าในประเทศเป็นหลักในสัดส่วน 90% ที่เหลือ 10% จะส่งออกไปต่างประเทศ โดยส่งออกไปยังประเทศฟิลิปปินส์, ตุรกี และบางส่วนก็มีส่งออกไปขายยังสหรัฐอเมริกา