ทั้งนี้ บริษัท โอ แอนด์ เอช ฮันนี่คอมป์เปเปอร์ จำกัด เป็นบริษัทออกแบบ ผลิตและจำหน่ายกระดาษรังผึ้ง มีความโดดเด่นในเรื่องการออกแบบสินค้าและพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ กระบวนการผลิตเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีเป้าหมายที่จะก้าวเป็นผู้ผลิตกระดาษรังผึ้งชั้นนำในประเทศไทย และส่งออกเพื่อเปิดและขยายตลาดในอนาคต ซึ่งบริษัทร่วมทุน เค เอสเอ็มอี จะเข้าร่วมถือหุ้นในบริษัท โอ แอนด์ เอช ฮันนี่คอมป์เปเปอร์ จำกัด เป็นเงิน 18.2 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้น 40.99% จากทุนจดทะเบียน 44.40 ล้านบาท
สำหรับ บริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด ดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์ครบวงจรที่ให้บริการขนส่งทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการทำพิธีการศุลกากร การคัดแยกสินค้าและการบรรจุ จุดเด่นของบริษัทฯ คือ การนำเสนอโซลูชั่นในการลดต้นทุนโลจิสติกส์แก่ลูกค้ามากกว่าแค่การขายบริการด้านการขนส่งเพียงอย่างเดียว ซึ่งธุรกิจโลจิสติกส์และการให้บริการขนส่งโดยใช้รถบรรทุกหัวลากแบบครบวงจรมีโอกาสในการขยายตัวสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในปี 2558 ซึ่งไทยจะก้าวเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าทั้งวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปเพื่อรองรับความต้องการในตลาดโลก ทั้งนี้บริษัทร่วมทุน เค เอสเอ็มอี จำกัด จะเข้าร่วมลงทุนในบริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ เป็นเงิน 60 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้น 18.46% จากทุนจดทะเบียน 81.25 ล้านบาท
นอกจากความโดดเด่นในด้านธุรกิจแล้ว ทั้งสองบริษัทนี้ยังมีศักยภาพในการเติบโตและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในอนาคตด้วย ซึ่งการลงนามการร่วมทุนกับเอสเอ็มอีทั้ง 2 รายเป็นการสานต่อนโยบายในเรื่องการสนับสนุนการขยายธุรกิจและสร้างความแข็งแกร่งด้านเงินทุนให้แก่เอสเอ็มอี เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว
อนึ่ง ธนาคารกสิกรไทย(KBANK)จัดตั้ง บริษัทร่วมทุน เค-เอสเอ็มอี จำกัด (K-SME Venture Capital) เพื่อร่วมลงทุนในเอสเอ็มอีของไทยที่มีศักยภาพและต้องการหาเงินทุนในการขยายธุรกิจเพื่อร่วมลงทุนในเอสเอ็มอีของไทยที่มีศักยภาพและต้องการหาเงินทุนในการขยายธุรกิจ โดยมี บลท.ข้าวกล้า เป็นผู้บริหารเงินร่วมลงทุนและพิจารณาคัดเลือกเอสเอ็มอีเพื่อร่วมถือหุ้น โดยความสำเร็จที่ผ่านมาของ บลท.ข้าวกล้าคือ เข้าไปร่วมทุนในธุรกิจเอสเอ็มอีรวม 13 ราย รวมเป็นเงินลงทุนกว่า 250 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้มี 2 รายที่ได้นำหุ้นของบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว และอีก 3 รายที่อยู่ระหว่างการเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในอนาคต
นางสาวปฐมาพร ไชยกูล กรรมการผู้จัดการ วมลงทุน ข้าวกล้า จำกัด เปิดเผยว่า บลท.ข้าวกล้า ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2550 ดำเนินธุรกิจเป็นผู้บริหารจัดการเงินร่วมลงทุน ให้บริษัทร่วมทุน เค-เอสเอ็มอี จำกัด ภายใต้นโยบายที่ต้องการเพิ่มทางเลือกให้เอสเอ็มอีในการระดมเงินทุนนอกเหนือจากการขอสินเชื่อ โดยผู้ประกอบการจะได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนเพื่อขยายกิจการ และมีผู้เชี่ยวชาญจาก บลท.ข้าวกล้าในการให้คำปรึกษาในการดำเนินธุรกิจ
สำหรับทิศทางการลงทุนในอนาคตจะยังคงนโยบายสนับสนุนเอสเอ็มอีเพื่อเป็นทางเลือกของแหล่งเงินทุนต่อไป รวมทั้งกำลังพิจารณาร่วมลงทุนอีก 3-4 รายโดยมุ่งลงทุนในบริษัทใหม่ๆ ที่น่าสนใจเพื่อให้ก่อเกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับเอสเอ็มอี ทั้งนี้ ได้กำหนดนโยบายร่วมลงทุนในเอสเอ็มอีแต่ละบริษัทในสัดส่วน 10-50% ของทุนจดทะเบียนภายหลังการร่วมทุน มีระยะเวลาการร่วมทุน 3-5 ปี โดยจะให้อิสระในการบริหารกิจการแก่เจ้าของบริษัท และมีนโยบายกระจายความเสี่ยงในการลงทุน โดยจะลงทุนในอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งไม่เกิน 1 ใน 3 ของเงินทุนทั้งหมด สำหรับผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนที่ผ่านมา เฉลี่ยตั้งแต่เริ่มเข้าไปลงทุนในธุรกิจต่างๆ อยู่ประมาณ 20% ต่อปี