ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกเศรษฐกิจสหรัฐ ฉุดดาวโจนส์ปิดร่วง 121.41 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 9, 2012 06:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (8 พ.ย.) ซึ่งเป็นการร่วงลงต่อเนื่องจากเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นอย่างหนัก อันเป็นผลมาจากความวิตกกังวลที่ว่าสหรัฐจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลัง (fiscal cliff) ได้ ซึ่งความวิตกกังวลดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงจำนวนคนว่างงานที่ปรับตัวลดลงในรอบสัปดาห์ที่แล้ว

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 121.41 จุด หรือ 0.94% ปิดที่ 12,811.32 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 17.02 จุด หรือ 1.22% ปิดที่ 1,377.51 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 41.70 จุด หรือ 1.42% ปิดที่ 2,895.58 จุด

ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 3 พ.ย. ลดลง 8,000 ราย มาอยู่ที่ 355,000 ราย ขณะที่ยอดขาดดุลการค้าและบริการของสหรัฐในเดือนก.ย. หดตัวลง 5.1% จากเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ 4.155 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2553 หรือในรอบ 21 เดือน โดยเป็นผลมาจากตัวเลขส่งออกที่สูงเป็นประวัติการณ์

แต่ตลาดร่วงลงในเวลาต่อมา เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่าสหรัฐอาจจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาภาวะหน้าผาการคลัง หรือภาวะที่มาตรการปรับขึ้นภาษีและปรับลดงบรายจ่ายขนาด 6 แสนล้านดอลลาร์ของรัฐบาลสหรัฐจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในต้นปีหน้า หากทำเนียบขาวไม่สามารถตกลงกับสภาคองเกรสได้

อีธาน แฮร์ริส ผู้อำนวยการร่วมฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจโลกของแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริลล์ ลินช์ คาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐ จะขยายตัวเพียง 1% ในไตรมาสที่ 4 อันเนื่องมาจากภาวะหน้าผาทางการคลัง

แฮร์ริสเตือนว่า ภาวะหน้าผาทางการคลังได้ส่งผลกระทบแล้วต่อการตัดสินใจเรื่องการใช้จ่ายด้านทุนและการยกเลิกคำสั่งซื้อจำนวนมากของบริษัทต่างๆ และหากภาวะดังกล่าวยืดเยื้อติดต่อกันนานถึง 6 เดือน ก็จะเกิดความเสียหายมากขึ้น ซึ่งรวมถึงการชะลอตัวในตลาดแรงงานสหรัฐ พร้อมสรุปว่า นี่จะเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายอย่างมาก

ด้านฟิทช์ เรทติ้งส์ เตือนว่า หากสหรัฐล้มเหลวในการหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาทางการคลังและต้องมีการปรับเพิ่มเพดานหนี้ สหรัฐก็มีแนวโน้มจะถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือในปีหน้า ขณะที่มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เตือนว่า หลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐผ่านพ้นไปและบารัค โอบามาได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่ 2 นั้น ฐานะการคลังระยะยาวของประเทศยังคงเป็นประเด็นที่สร้างความกังวล

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากนายโวล์ฟกัง ชอยเบิล รมว.คลังเยอรมนีกล่าว่า 17 ชาติสมาชิกยูโรโซนยังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องการปล่อยเงินออกจากกองทุนกลไลรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (ESM) ให้กับประเทศที่ประสบปัญหาหนี้

หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 3.6% ขณะที่หุ้นแมคโดนัลด์ ร่วงลง 2% หลังจากยอดขายปรับตัวลดลง

หุ้นพรูเดนเชียลในกลุ่มประกัน ดิ่งลง 4.8% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการ อย่างไรก็ตาม หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดีดตัวขึ้น 1.7%

รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐช่วงต้นเดือนพ.ย.ในวันนี้เวลา 20.55 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในช่วงเวลาดังกล่าวจะอยู่ที่ 83.0 เพิ่มขึ้นจากระดับ 82.6 ของช่วงท้ายเดือนต.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ