ทริสฯจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกัน 1.5 พันลบ. GLOW ที่ A/Stable

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 9, 2012 09:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาทของ บมจ.โกลว์ พลังงาน (GLOW) ที่ระดับ “A" พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้มีการค้ำประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “A" ด้วยเช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable" หรือ “คงที่" บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ใหม่ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและใช้ในการดำเนินงาน

อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงผลงานในธุรกิจผลิตไฟฟ้าในประเทศที่ได้รับการยอมรับ ตลอดจนการมีกระแสเงินสดที่แน่นอนจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว (Power Purchase Agreement -- PPA) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และสัญญาซื้อขายไฟฟ้าและไอน้ำระยะยาวกับกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม

อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนลงบางส่วนจากความเสี่ยงที่ลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทอยู่ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในบริเวณมาบตาพุด ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะมีกระแสเงินสดที่แน่นอนจากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับ กฟผ. และกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม โดยการเปิดดำเนินการโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาจะค่อย ๆ เพิ่มกระแสเงินสดที่แน่นอนให้แก่บริษัทในปีต่อ ๆ ไป

ทริสเรทติ้งรายงานว่า GLOW ก่อตั้งในปี 2536 เพื่อประกอบธุรกิจผลิตไฟฟ้าในโครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (Small Power Producer -- SPP) ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด บริษัทได้ขยายสู่ธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม (Cogeneration) และธุรกิจผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (Independent Power Producer — IPP) ทั้งในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ปัจจุบันกลุ่ม GDF SUEZ ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท

ทั้งนี้ GDF SUEZ เป็นกลุ่มพลังงานชั้นนำของโลกซึ่งดำเนินธุรกิจหลักด้านพลังงานตั้งแต่การผลิตไฟฟ้า ค้าก๊าซ และให้บริการด้านพลังงานอื่น ๆ ทั่วโลกโดยเฉพาะในยุโรป

ปัจจุบัน GLOW เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ของไทย โดยในปี 2554 มีรายได้และกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย(EBITDA) จากธุรกิจ Cogeneration ประมาณ 70% ของรายได้ทั้งหมด ณ เดือนกันยายน 2555 กลุ่มบริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 3,076 เมกะวัตต์ ซึ่งประกอบด้วย IPP 1,525 เมกะวัตต์ และ Cogeneration 1,551 เมกะวัตต์โดยโรงไฟฟ้า IPP พลังงานก๊าซของบริษัทแห่งหนึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี โรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินแห่งหนึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดระยองและโรงไฟฟ้า IPP พลังงานน้ำอีกแห่งตั้งอยู่ในประเทศลาว

ธุรกิจโรงไฟฟ้า Cogeneration ของบริษัทซึ่งตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดและอีสเทิร์นซีบอร์ดในจังหวัดระยองส่วนใหญ่ให้บริการแก่ลูกค้าในธุรกิจปิโตรเคมีซึ่งต้องการกระแสไฟฟ้าที่มีความแน่นอนสูง อย่างไรก็ตาม บริษัทมีความเสี่ยงจากการมีลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีซึ่งกระจุกตัวอยู่ในเขตพื้นที่มาบตาพุด โดยบริษัทขายไฟฟ้าให้แก่กลุ่มลูกค้าในธุรกิจยานยนต์ในอำเภอปลวกแดง จังหวัดระยองเพียงประมาณ 2% ของกำลังการผลิตรวมเท่านั้น

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า จากกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมของกลุ่มโกลว์จำนวน 3,076 เมกะวัตต์และกำลังการผลิตไอน้ำจำนวน 1,206 ตันต่อชั่วโมง บริษัทโกลว์ พลังงานทำสัญญา PPA อายุระหว่าง 21-25 ปีเพื่อขายไฟฟ้าจำนวน 2,253 เมกะวัตต์ให้แก่ กฟผ. โดยสัญญาดังกล่าวมีระยะเวลาคงเหลือระหว่าง 5-25 ปี ส่วนปริมาณไฟฟ้าที่เหลือและไอน้ำ รวมถึงน้ำปราศจากแร่ธาตุนั้นบริษัททำสัญญาขายระยะยาวกับกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม ทั้งนี้ การขายไฟฟ้าและไอน้ำตามสัญญาดังกล่าวถือเป็นแหล่งรายได้ที่แน่นอนสำหรับบริษัท โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้จากการขายไฟฟ้าให้แก่ กฟผ. ในสัดส่วน 55%-60% และส่วนที่เหลือมาจากลูกค้าอุตสาหกรรม

ผลประกอบการของ GLOW ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 เติบโตขึ้นเนื่องจากกำลังการผลิตไฟฟ้าส่วนขยายเริ่มทยอยเปิดดำเนินงาน รายได้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้น 36.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 39,993 ล้านบาท รายได้จากการขายไฟฟ้าให้กับ กฟผ. ภายใต้โครงการ IPP เติบโต 32.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 11,912 ล้านบาท เนื่องจากโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินเก็คโค่วัน เริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ในเดือนกรกฎาคม 2555 และเป็นผลจากโรงไฟฟ้าห้วยเหาะผลิตไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น ปริมาณไฟฟ้าที่ขายให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมยังเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็น 3,476 กิกะวัตต์ชั่วโมงใน 9 เดือนแรกของปี 2555 โดยเพิ่มขึ้น 9.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

การเพิ่มขึ้นนี้เกิดจากความต้องการใช้ไฟฟ้าที่สูงขึ้นและการรวมงบการเงินกับ บริษัท โกลว์ เอสพีพี 11 จำกัด และ บริษัท โกลว์ เอสพีพี 13 จำกัด ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2554 หลังการเข้าซื้อหุ้น ในขณะเดียวกัน ความต้องการใช้ไอน้ำของลูกค้าอุตสาหกรรมก็เพิ่มขึ้น 20.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2554 อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ของบริษัทปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 21.5% ใน 9 เดือนแรกของปี 2555 จาก 23.0% ในปี 2554 เนื่องจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นมากในขณะที่การปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร (Fuel Adjustment Charge - Ft) ถูกชะลอออกไป

อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรของบริษัทมีการปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา ตามการปรับเพิ่มของค่าไฟฟ้าผันแปร EBITDA ของบริษัทเพิ่มขึ้น 18.8% เป็น 8,729 ล้านบาท ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 เนื่องจากบริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น กำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 40.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2554 เป็น 3,981 ล้านบาท เนื่องจากมีการบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 537 ล้านบาทและจากการบันทึกค่าปรับจำนวน 1,046 ล้านบาทจากผู้รับเหมาของโครงการเก็คโค่ วันเนื่องจากความล่าช้าของการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ในขณะที่บันทึกค่าปรับที่ชำระให้แก่ กฟผ. จำนวน 634 ล้านบาท

อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของ GLOW อยู่ในระดับ 65% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2555 เนื่องจากการกู้ยืมเพื่อการลงทุนขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าในโครงการ SPP และเก็คโค่ วันตามแผน ความสามารถในการชำระดอกเบี้ยของบริษัทเพิ่มขึ้นในช่วง 9 เดือนแรก โดยอัตราส่วนอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่าย ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 3.4 เท่าใน 9 เดือนแรกของปี 2555 จาก 2.7 เท่าในปี 2554

อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมปรับตัวดีขึ้นเป็น 9.5% (ยังไม่ได้ปรับเป็นตัวเลขเต็มปี) จาก 10.4% ในปี 2554 คาดว่าความสามารถในการชำระหนี้และโครงสร้างทางการเงินของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2556 หลังจากที่กำลังการผลิตส่วนขยายทั้งหมดดำเนินการเชิงพาณิชย์และให้กระแสเงินสดเต็มปีขณะที่บริษัทยังไม่มีแผนการลงทุนขนาดใหญ่ในอนาคตอันใกล้หลังแผนการขยายการลงทุนเสร็จสิ้นในปี 2555


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ