BTS บวก 2.40% มีแผนขายรถไฟฟ้าเข้า Infrastructure Fund, แจ้งงบฯวันนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 9, 2012 11:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น BTS ราคาวิ่งขึ้น 2.40% มาอยู่ที่ 6.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท มูลค่าซื้อขาย 457.07 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.18 น. โดยเปิดตลาดที่ 6.35 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 6.40 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 6.25 บาท

ล่าสุดเมื่อ 11.24 น.หุ้น BTS อยู่ที่ 6.35 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท(+1.60%)มูลค่าซื้อขาย 478.41 ล้านบาท

บล.เอเชีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง(BTS)ให้มูลค่าพื้นฐานใหม่ที่ 7.7 — 8.0 บาท โดยเลือกเป็น Top Pick มีแนวโน้มปรับเพิ่มประมาณการและมูลค่าพื้นฐาน BTS ขึ้นอีก เนื่องจาก บ.ย่อยของ BTS คือ BTSC ซึ่งเป็นผู้ลงทุนโครงการรถไฟฟ้าตามสัญญาสัมปทาน (อายุคงเหลือ 17 ปี) ยังมีแผนจะนำธุรกิจรถไฟฟ้าใน 2 เส้นทางหลัก คือ 1) อ่อนนุช-หมอชิต และ 2) ตากสิน — สนามกีฬาฯ มาขายเข้ากองทุน Infrastruture Fund ซึ่งหากสามารถขายได้จริงตามแผน จะทำให้ BTS มีกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์สัมปทานรถไฟฟ้าเข้ามาครั้งเดียวในจำนวนมหาศาล(ส่วนที่เหลือมูลค่าทางบัญชีซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ราว 4.5 หมื่นล้านบาท),

BTS จะได้รับค่าจ้างจากการเป็นผู้รับจ้างบริหารต่อ และ BTS จะรับรู้รายได้เงินปันผลจากการถือหุ้นในกองทุน Infrastructure Fund ดังกล่าวราว 33.33% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ยังถือเป็น Upside ส่วนเพิ่มที่มีโอกาสให้ขยับมูลค่าพื้นฐานหุ้นอีกครั้ง

นอกจากนี้ BTS จะประกาศงบการเงินงวด 2Q55/56 เย็นวันนี้ จาก 2 ประเด็นหลัก คือ 1) VGI (บ.ย่อยของ BTS ถือหุ้นทางอ้อม 96.4% ในงวด 2Q55/56 ถือหุ้น 68.2% หลังจากเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนในเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา) ประกาศผลกำไรสุทธิงวด 2Q55/56 สูงกว่าที่คาด ส่งผลให้มีการทบทวนมูลค่าพื้นฐานของ VGI ขึ้นจาก 50 บาท 78 บาท จึงเป็นผลดีทางอ้อมต่อ BTS

2) ขณะที่นโยบายของ BTS ที่ให้ความสำคัญของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์น้อยลงเพื่อเน้นธุรกิจหลัก เริ่มเห็นได้ชัดเจนหลังจากการประกาศขาย บริษัทย่อย ซึ่งถือครองที่ดินรอการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในระยะ 2 เดือนหลัง ทำให้เชื่อว่านโยบายดังกล่าวจะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยจะเป็นการขายทรัพย์สินที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาบางส่วน ขณะที่จะมีการร่วมทุนกับผู้ประกอบการอื่นๆ ไปพัฒนาในทรัพย์สินในบางพื้นที่ที่มีศักยภาพ อาทิ ทิ่ดินเปล่าบริเวณสถานีรถไฟฟ้าพญาไท ส่งผลให้มีแนวโน้มทบทวนวิธีการประเมินมูลค่าธุรกิจอสังหาฯ จากเดิมที่อิง PER เป็น PBV แทนเพื่อให้สอดคล้องกับการปรับโครงสร้างธุรกิจ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ