AIT เผย Q4/55 รอรับรู้ Backlog กว่าพันลบ. ดันรายได้ปีนี้แตะ 4 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 9, 2012 12:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี (AIT) กล่าวว่า ณ สิ้นเดือน ก.ย.55 มูลค่างานที่อยู่ระหว่างการรอรับรู้รายได้(Backlog)มีประมาณ 2,350 ล้านบาท และคาดว่าจะรับรู้รายได้ภายในปีนี้ประมาณพันกว่าล้านบาท ซึ่งสูงกว่าทุกๆ ไตรมาสที่ผ่านมา และคาดว่าทำให้รายได้รวมปี 55 อยู่ที่ประมาณกว่า 4,000 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/55 ของบริษัทฯ ยังคงรักษาระดับได้ใกล้เคียงกับไตรมาส 1/55 และไตรมาส 2/55 โดยมีรายได้ในงบเฉพาะกิจการของบริษัทฯ 935.7 ล้านบาท กำไรสุทธิ 88.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/55 ซึ่งมีรายได้ 874.1 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 77.8 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานรวม 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.55) บริษัทฯมีรายได้รวม 2,762.5 ล้านบาท กำไรสุทธิ 285.4 ล้านบาท

นายศิริพงษ์ กล่าวถึงภาพรวมของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในช่วงปลายปีนี้ คาดว่าจะมีความคึกคักมากขึ้น ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า มูลค่างานที่เปิดประมูลที่เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ภาครัฐ รวมไปถึงงานภาคเอกชน ที่ AIT มีศักยภาพในการเข้ารับงานได้ มีมูลค่าประมาณเกือบหมื่นล้านบาท (Market Focus Value) ซึ่งหาก AIT ได้งานในส่วนนี้ก็จะเข้ามาเป็น Backlog สำหรับปีต่อไป

สำหรับโครงการในด้านการลงทุน ในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 4/2555 ได้มีมติให้เข้าลงทุนในบริษัทที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัทหนึ่งซึ่งประกอบธุรกิจใกล้เคียงกับบริษัทฯ โดย AIT จะเข้าไปถือหุ้นในบริษัทร่วมทุนในสัดส่วนร้อยละ 50 ของทุนจดทะเบียนขั้นต้น 200 ล้านบาท วัตถุประสงค์ของการลงทุนเพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคตที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และระบบโครงข่ายโทรคมนาคมในกลุ่มประเทศประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

นอกจากนี้แล้ว ในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯยังอนุมัติให้ลงทุนในบริษัท ทาวเวอร์เอกซ์เอเซีย จำกัด (TowerXasia) เป็นจำนวนเงิน 999,800 บาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 99 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว เพื่อประกอบธุรกิจเกี่ยวกับโทรคมนาคม

“บริษัทฯ คาดว่าการที่เราเข้าลงทุนในบริษัทร่วมทุนต่างๆ นี้เป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน ขยายฐานลูกค้าให้เข้าถึงมากขึ้น รวมไปถึงเพื่อสร้างรายได้ระยะยาวและอย่างต่อเนื่องให้แก่บริษัทฯ" นายศิริพงษ์ กล่าว

ส่วนความคืบหน้าในการขยายธุรกิจไปยังประเทศกัมพูชาเมื่อปลายเดือน มิ.ย. ขณะนี้ธุรกิจถือว่าเป็นไปได้ด้วยดี โดยมีคำสั่งซื้อเข้ามาบ้างแล้ว คาดว่าปีหน้าจะเห็นตัวเลขที่ชัดเจน ทั้งนี้ พันธมิตรธุรกิจในประเทศกัมพูชาได้เล็งเห็นความสำคัญในบทบาทของ AIT ที่ให้การสนับสนุนทั้งด้านการตลาดและด้านเทคโนโลยี ซึ่งช่วยให้พันธมิตรขยายงานได้มากขึ้น จึงมั่นใจว่ารายได้จากการเข้าไปขยายตลาดต่างประเทศจะมีการเติบโตที่ดี และเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจของ AIT ได้อย่างยั่งยืน พร้อมกันนี้มีแผนงานที่จะขยายตลาดสู่ประเทศพม่าในปีหน้าอีกด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ