ทั้งนี้ ไตรมาส 3/55 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.55 กำไรสุทธิ 58.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 123.06% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันในปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 26.18 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนแรกปี 55 มีกำไรสุทธิ 121.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87.08% เมื่อเปรียบเทียบกับงวด 9 เดือนปีที่ผ่านมา ซึ่งมีกำไรสุทธิ 64.86 ล้านบาท
สาเหตุที่ทำให้ผลประกอบการขยายตัวอย่างมากเป็นผลมาจากยอดขายและบริการเพิ่มขึ้นเท่ากับ 401.60 ล้านบาท จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนที่ 69.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.11% เนื่องมาจากการเติบโตของยอดขายจากการเพิ่มการลงทุนในแม่พิมพ์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ซึ่งในไตรมาส 3/55 ได้ลงทุนในแม่พิมพ์จำนวน 25 แม่พิมพ์ โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น (Margin) สำหรับแม่พิมพ์ใหม่ 51.15% นอกจากนี้ FPI ยังมียอดขายจากผลิตภัณฑ์ที่ผ่านกระบวนการพ่นสี 2K ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น
ขณะเดียวกันสัดส่วนต้นทุนขายและบริการไตรมาสนี้เท่ากับ 69.14% เมื่อเปรียบเทียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งเท่ากับ 75.67% จะเห็นได้ว่าสัดส่วนต้นทุนขายต่ำลง 6.53% เนื่องจากเม็ดพลาสติกซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในกระบวนการผลิตมีราคาต่ำลง ราคาสารเคมีโดยเฉพาะโลหะหนัก เช่น นิเกิ้ล และทองแดง ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในกระบวนการชุบที่ราคาลดลง ขณะเดียวกันอัตราการใช้กำลังการผลิตของบริษัทก็สูงขึ้นด้วยทั้งกระบวนการฉีด ชุบ และพ่นสี
ส่วนยอดขายและรายได้ค่าบริการงวด 9 เดือนปีนี้เท่ากับ 1,102.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 171.94 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18.47% อันเนื่องมาจากการเติบโตของยอดขายจากการเพิ่มการลงทุนในแม่พิมพ์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่นกัน โดยในงวด 9 เดือนปี 55 นี้ FPI ลงทุนในแม่พิมพ์จำนวน 91 แม่พิมพ์