ดัชนี Stoxx 600 ลดลง 0.1% ปิดที่ 270.27 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีลดลง 41.46 จุด หรือ 0.58% ปิดที่ 7,163.50 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสขยับขึ้น 15.89 จุด หรือ 0.47% ปิดที่ 3,423.57 จุด และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,769.68 จุด ลดลง 6.37 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหน้าผาการคลัง หรือภาวะที่มาตรการปรับขึ้นภาษีและปรับลดงบรายจ่ายวงเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์ของรัฐบาลสหรัฐจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในต้นปีหน้า ซึ่งภาวะหน้าผาการคลังจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย ด้านฟิทช์ เรทติ้งส์ เตือนว่า หากสหรัฐล้มเหลวในการหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาทางการคลังและต้องมีการปรับเพิ่มเพดานหนี้ สหรัฐก็มีแนวโน้มจะถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือในปีหน้า นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงกดดันหลังจากธนาคารกลางฝรั่งเศสคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจในประเทศจะหดตัวลง 0.1% ในไตรมาส 4 ปีนี้ อันเนื่องมาจากภาวะซบเซาในภาคธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด หลังจากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนพ.ย.ของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะ 84.9 ซึ่งนับเป็นระดับสูงสุดนับแต่เดือนก.ค.2550 จาก 82.6 ในเดือนต.ค. โดยเป็นการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน เนื่องจากตลาดแรงงานยังคงมีการฟื้นตัว
หุ้นเครดิต อากริโคล ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 3 ของฝรั่งเศส ดิ่งลง 5.9% หลังจากธนาคารเปิดเผยตัวเลขขาดทุนรายไตรมาสทั้งสิ้น 2.85 พันล้านยูโร ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ราว 1.88 พันล้านยูโร
หุ้นดอยช์แบงก์ และหุ้นคอมเมิร์ซ แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของเยอรมนี ร่วงลง 2.3% และร่วงลง 6.3% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ส่วนหุ้นเคเลคอม อิตาเลีย ดีดตัวขึ้น 3.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด