BTS พุ่ง 3.05% อยู่ที่ 6.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท เมื่อเวลา 9.57 น.โดยเปิดตลาดที่ 6.70 บาท สูงสุด 6.75 บาท ต่ำสุด 6.70 บาท มูลค่าซื้อขาย 505 ล้านบาท
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ปลดเครื่องหมายห้ามการซื้อขายชั่วคราวหลักทรัพย์ของ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์(BTS)เช้านี้หลังแจ้งข้อมูลว่าที่ประชุมคณะกรรมการมีมติอนุมัติให้บริษัท BTSC (บริษัทย่อยของ BTS) ขายรายได้ค่าโดยสารสุทธิซึ่งจะได้รับจากการดำเนินงานระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพสายหลักตามสัญญาสัมปทาน ให้แก่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน BTS คาดว่าจะได้รับค่าตอบแทนจากขายรายได้ค่าโดยสารสุทธิให้แก่กองทุนประมาณ 5-6 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ การจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อระดมทุนสำหรับใช้ในการลงทุนในโครงการขนส่งมวลชน 4 เส้นทาง ได้แก่ สายสีเขียวจากหมดชิตถึงสะพานใหม่ และจากแบริ่งถึงสมุทรปราการ สายสีชมพูจากแครายถึงมีนบุรี และรถไฟฟ้าขนาดเบาเชื่อมต่อบางนากับสุวรรณภูมิ
ขณะที่ บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) ประเมินหุ้น BTS จะผลกระทบจากการจัดตั้งกองทุนฯจะเป็นบวกต่อเมื่อ BTS ทำการลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าทั้ง 4 สาย และได้รับผลตอบแทนในอัตราที่สูงกว่าการจ่ายคืนหนี้ ยังคงแนะนำ"ซื้อ"ราคาเป้าหมายปัจจุบัน 7.20 บาท และมีโอกาสปรับประมาณการหลังได้รับข้อมูลที่ชัดเจนจากผู้บริหาร
อย่างไรก็ตาม ระยะสั้นมีผลกระทบต่อกำไรของ BTS เป็นลบเล็กน้อย โดยหลังจาก BTS ขายรายได้ค่าโดยสารสุทธิให้แก่กองทุนฯ BTS จะเสียรายได้จากค่าโดยสารประมาณ 5-6 พันล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็นกำไรประมาณ 1.5 พันล้านบาทต่อปี ขณะเดียวกันจากการเข้าถือหน่วยลงทุนของกองทุนฯจำนวน 1 ใน 3 จะทำให้ BTS ได้รับเงินปันผลประมาณ 500-700 ล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ดีผู้บริหารคาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปีละประมาณ 6% เท่ากับว่า BTS จะได้รับเงินปันผลปีละ 1-1.2 พันล้านบาท (สูงกว่าที่เราประเมินในเบื้องต้น) ผลสุทธิจากการขายรายได้ค่าโดยสารต่อกำไรของ BTS จึงเป็นลบเล็กน้อย
อย่างไรก็ดีหาก กำหนดสมมติฐานว่า BTS จะนำรายได้ค่าตอบแทนที่เหลืออีก 2 ใน 3 มาจ่ายคืนหนี้ระยะยาว ซึ่งมีอยู่ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ดังนั้นเราประเมินว่า BTS จะสามารถลดภาระรายจ่ายดอกเบี้ยได้ประมาณ 900 — 1 พันล้านบาท ต่อปี (สมมติฐานอัตราดอกเบี้ยจ่ายประมาณ 4.75%)