และแนวโน้มธุรกิจคอนกรีตยังเติบโตได้ดีในปีหน้า โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนของภาคเอกชนตามทิศทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้น และการลงทุนในด้านต่าง ๆ เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)ในปี 58 รวมถึงการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ตามหัวเมืองขนาดใหญ่ และการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ
บริษัทคาดว่าจากผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องจะทำให้บริษัทสามารถล้างขาดทุนขาดทุนสะสมได้ทั้งหมดที่มีอยู่กว่า 167 ล้านบาทภายในต้นปี 56 ซึ่งมาจากการขาดทุนสะสมในงบเดี่ยวจำนวน 39 ล้านบาท และงบรวมอีกจำนวน 128 ล้านบาท ส่วนจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ทันทีหรือไม่นั้น ก็มีโอกาสเป็นไปได้ แต่ขึ้นกับการพิจารณาของคณะกรรมการบริษัท
อย่างไรก็ตาม ในปี 56 บริษัทมีแผนลงทุนอีกราว 100 ล้านบาทเพื่อปรับปรุงเครื่องจักรและเพิ่มกำลังการผลิต โดยบริษัทจะนำเครื่องจักรที่เป็นระบบอัตโนมัติเข้ามาใช้งานมากขึ้น และคาดว่าจะช่วยเพิ่มผลผลิตได้อีก 30% จากปีนี้ ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีปริมาณงานในมือ(Backlog)แล้วกว่า 2,000 ล้านบาทที่ทยอยรับรู้เป็นรายได้ไปถึงต้นปี 57 และยังเจรจาเข้ารับงานใหม่อย่างต่อเนื่อง
นายชาคริต กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทได้ปรับราคาขายไปแล้วกว่า 15% และคาดว่าปลายปีนี้จะขึ้นไปถึง 20% เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าแรง 300 บาท และต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ผลจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ส่งผลดีต่อกิจการของบริษัทด้วยเช่นกัน เพราะทำให้คนหันมาใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นวัสดุกึ่งสำเร็จมากขึ้นเพื่อลดการใช้แรงงานในการก่อสร้าง