บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวมในไตรมาส 3/55 ราว 505.53 ล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 54 ซึ่งมีรายได้รวม 495.22 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 10.31 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.08 ในขณะที่ต้นทุนขายและบริการ 392.31 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 78.99 ของรายได้จากการขายและบริการ เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 54 จำนวน 390.58 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 79.29 ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารในไตรมาส 3/2555 มีจำนวน 26.87 ล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 54 อยู่ที่ 36.75 ล้านบาท ลดลง 9.88 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 26.88 ซึ่งเป็นผลจากการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
จากผลประกอบการไตรมาส 3/55 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น ส่งผลให้ผลประกอบการงวด 9 เดือน(ม.ค.-ก.ย.55) เติบโตไปในทิศทางเดียวกัน โดยบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวม 1,396.82 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 54 ที่มีรายได้รวม 1,302.36 ล้านบาท ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น 67.46 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.17 ขณะที่ในงวดเดียวกันบริษัทมีค่าใช้จ่ายรวม 1,115.36 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 54 ที่มีค่าใช้จ่ายรวม 1,100.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.23 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.47
ดังนั้น ส่งผลให้ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2555 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิในงบการเงินรวมบริษัทย่อยจำนวน 209.73 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.60 บาทเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 54 ที่ทำได้ 134.44 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.38 บาท เพิ่มขึ้น 75.29 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 56 อย่างไรก็ตาม พบว่าในงวด 9 เดือนของปี 55 บริษัทฯ รวมบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิสูงกว่าปี 54 ทั้งปีที่ทำได้ 148.42 ล้านบาท เท่ากับสูงกว่าปี 54 ทั้งปีถึง 61.31 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 41.31
"ผลประกอบการในไตรมาส 3/55 และงวด 9 เดือน ถือว่าเติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ตามทิศทางการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ และหนังสำหรับผลิตรองเท้าที่มีออเดอร์เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยในอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่ผ่านมาค่ายรถยนต์ชั้นนำ เร่งเดินสายการผลิตเต็มกำลัง เพื่อผลิตรถยนต์ส่งมอบให้ทันตามคำสั่งซื้อจากลูกค้า หลังจากที่รัฐบาลขยายเวลาใช้สิทธิจองซื้อรถยนต์คันแรกจนถึงสิ้นปีนี้ ซึ่งส่งผลดีต่อบริษัทฯ ในทิศทางเดียวกันด้วย"
นอกจากนั้น ในธุรกิจผลิตหนังสำหรับอุตสาหกรรมรองเท้า บริษัทฯ ได้รับคำสั่งซื้อจาก Wolverine World Wide,Inc., a Delaware Corporation (WWW) ซึ่งเป็นผู้ผลิตรองเท้าหนังแบรนด์ชั้นนำของโลก เพิ่มอีก 100% ซึ่งปัจจัยเหล่านี้สนับสนุนให้ผลประกอบการของ IHL เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในครึ่งปีหลัง จึงมั่นใจว่ารายได้รวมในปีนี้จะเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อนได้ ในขณะที่กำไรสุทธิในงวด 9 เดือนที่ผ่านมา IHL ทำได้สูงกว่าการเติบโตของรายได้ จากการบริหารจัดการที่ทำได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งคาดว่าเทรนด์การเติบโตดังกล่าวจะต่อเนื่องไปยังไตรมาสสุดท้ายของปี