ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 58.90 จุด หรือ 0.46% ปิดที่ 12,756.18 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 5.50 จุด หรือ 0.40% ปิดที่ 1,374.53 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 20.37 จุด หรือ 0.70% ปิดที่ 2,883.89 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน โดยดัชนี CBOE Volatility Index ซึ่งเป็นดัชนีวัดความผันผวนและความวิตกกังวลในตลาด ปิดที่เหนือระดับ 16 จุด เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวับวิกฤตหนี้ของกรีซ หลังจากรัฐมนตรีคลังของกลุ่มยูโรกรุ๊ปตัดสินใจให้เวลากรีซ 2 ปีในการปรับลดงบประมาณ พร้อมกับเลื่อนการตัดสินใจเรื่องการให้ความช่วยเหลือกรีซเพิ่มเติมอีก 3.26 หมื่นล้านยูโรออกไปเป็นสัปดาห์หน้า
กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า รัฐบาลกลางสหรัฐมียอดขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้น 1.20 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค. จากระดับของเดือนต.ค.ปีที่แล้วที่ 9.8 พันล้านดอลลาร์ และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้
ยอดขาดดุลงบประมาณที่สูงขึ้นได้เพิ่มความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะหน้าผาการคลังของสหรัฐ หรือภาวะที่มาตรการปรับขึ้นภาษีและปรับลดงบรายจ่ายวงเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์ของรัฐบาลสหรัฐจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในต้นปีหน้า ซึ่งภาวะหน้าผาการคลังจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย
สำนักงบประมาณแห่งสภาคองเกรสสหรัฐ (CBO) คาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวลง 0.5% ในปีหน้า หากสภาคองเกรสไม่สามารถแก้ไขปัญหาภาวะหน้าผาการคลังได้ ขณะที่ฟิทช์ เรทติ้งส์ เตือนว่า หากสหรัฐล้มเหลวในการหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาทางการคลังและต้องมีการปรับเพิ่มเพดานหนี้ สหรัฐก็มีแนวโน้มจะถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือในปีหน้า
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง นำโดยหุ้นไมโครซอฟท์ดิ่งลง 3.2% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ร่วงลง 6.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่น้อยเกินคาด
อย่างไรก็ตาม หุ้นซีร็อกซ์ ดีดตัวขึ้น 1.4% หลังจากบริษัทประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผลและแผนการซื้อคืนหุ้น ส่วนหุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (AMD) พุ่งขึ้น 5%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันนี้ โดยในเวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนต.ค.และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค. จากนั้นในเวลา 22.00 น.ตามเวลาไทย สหรัฐจะเปิดเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ย.