อนึ่ง ไตรมาส 3/55 บริษัทมีรายได้รวม 957 ล้านบาท เติบโต 44% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ยอดขาย 891 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 153.24 ล้านบาท ส่วนช่วง 9 เดือนแรกของปี 55 มีรายได้ 2.6 พันล้านบาท เติบโต 37%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมียอดขาย 2.7 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 385.12 ล้านบาท
นายสมพงษ์ เผอิญโชค กรรมการผู้จัดการ TRU กล่าวว่า ในปี 56 ตั้งเป้ารายได้เติบโตขึ้นจากปีนี้ 15-20% โดยคาดว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศปีหน้ามีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องประมาณ 5% จากปีนี้ หรือมียอดผลิตราว 2.3 ล้านคัน ถึงแม้ว่าการคาดการณ์ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศปีหน้าอาจจะปรับลดลงจากปีนี้ เนื่องจากสิ้นสุดมาตรการคืนภาษีรถยนต์คันแรกของรัฐบาลไปแล้ว แต่ยอดส่งออกรถยนต์น่าจะเติบโตมากขึ้น คาดว่ายอดผลิตรถยนต์จะใกล้เคียงกับปีนี้
ประกอบกับบริษัทตั้งงบประมาณลงทุนในปี 56 ประมาณ 400-500 ล้านบาท เพื่อซื้อเครื่องจักรในโรงงานแห่งใหม่ที่ จ.ระยอง และขยายกำลังการผลิตเพิ่มมากขึ้น ขณะที่งบประมาณส่วนหนึ่งจะนำมาใช้สร้างห้องพ่นสีขนาดเล็กใช้เงินลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท แต่ถ้าต้องการสร้างห้องพ่นสีขนาดใหญ่ที่จะสามารถรับงานพ่นสีรถยนต์ 60,000 คัน/ปี ก็จะต้องเพิ่มงบการลงทุนเป็น 800-1,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุน คาดว่าจะมีข้อสรุปชัดเจนภายในปีหน้า
นายสมพงษ์ คาดว่า ปีหน้าจะพยายามรักษาอัตรากำไรสุทธิไว้ที่ประมาณ 18-19% ซึ่งมาจากผลการคาดการณ์แนวโน้มอุตสาหกรรมรถยนต์ในปีหน้าที่เติบโตขึ้นจะช่วยผลักดันให้อัตรากำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ตามขนาดการผลิตที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังคงมีการพัฒนาประสิทธิภาพในการผลิตให้ดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตได้อีกส่วนหนึ่ง
ส่วนการผลิตรถยนต์ภายใต้แบรนด์ไทยรุ่งฯ ซึ่งขณะนี้มีสัดส่วน 3% ของรายได้นั้น บริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนารถที่ใช้ทางการทหาร(TR Transformer) ให้สามารถนำมาใช้เป็นรถที่ใช้เป็นการทั่วไปตามท้องถนนได้ แต่ยังมีรายละเอียดค่อนข้างมากในการปรับเปลี่ยนรูปแบบ ทำให้การผลิตล่าช้าออกไปจากแผนงาน โดยบริษัทให้ความสำคัญกับการไม่ทำรถยนต์ภายใต้แบรนด์ของบริษัทออกมาแข่งขันกับลูกค้า