บริษัทคาดว่าว่าจะมีอัตราการทำกำไรที่ดียิ่งขึ้น หลังลูกค้าฮาร์ดดิสก์รายใหญ่ของโลกจะมอบออเดอร์ให้บริษัทผลิตสินค้ามากขึ้นและในรูปแบบที่ครบวงจรมากขึ้น และคาดว่าผลลัพธ์ดังกล่าวจะเริ่มเห็นชัดเจนเต็มที่ภายในปี 56 อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นบริษัทคาดว่าอัตรากำไรเพิ่มขึ้นจาก 4% ในปีนี้เป็น 5% ในปี 56 หลังจากบริษัทได้รับค่าสินไหมชดเชยความเสียหายจากน้ำท่วม ซึ่งได้นำไปซื้อเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น จึงช่วยลดต้นทุนการผลิต
นายพลศักดิ์ เลิศพุฒิภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SMT กล่าวว่า บริษัทตั้งงบลงทุนในช่วงครึ่งหลังของปี 56 ที่กว่า 300 ล้านบาท รองรับการต่อยอดการผลิต IC เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 2,500 ล้านชิ้นต่อปี จาก 1,500 ล้านชิ้นต่อปี ตามดีมานด์ที่เข้ามา
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นบริษัทจะมีกำลังผลิต IC Chip(ชิพขนาดเล็ก)เพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาที่ 50 ล้านชิ้น/เดือน เพราะถูกนำไปใช้ในแทบเล็ตและสมาร์ทโฟนเกือบทุกแบรนด์ ซึ่งเป็นสินค้าอัตรากำไร(มาร์จิ้น)สูงราว 20% จากปัจจุบันที่มียอดผลิตเพียงเล็กน้อย นอกจากนี้ ยังสามารถผลิต IC ด้วยเครื่องจักรใหม่ ทำให้สามารถผลิตได้มากขึ้น ลดต้นทุนพนักงานได้ 50% และเพิ่มกำลังผลิตเป็น 1,500 ล้านชิ้น/ปี ซึ่งจะทำให้บริษัทได้ประโยชน์ทันทีจากการฟื้นตัวของออร์เดอร์ตลาด IC ทั่วโลกในปี 56-57 ส่วน MMA ผลิตเพิ่มเป็น 120 ล้านชิ้น/ปี
บริษัทคาดว่าจะได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนจากการประกันน้ำท่วม วงเงินทั้งหมด 2,000 ล้านบาทในปีนี้หรืออย่างช้าต้นปี 56 โดยขณะนี้ได้รับมาแล้ว 1,130 ล้านบาท ในส่วนที่เหลืออาจเข้าในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า โดยเงินก้อนแรกที่ได้มาก็นำไปซื้อเครื่องจักรใหม่ ทำให้มีกำลังผลิตเพิ่มขึ้นและลดกำลังแรงงานคนลงไปมาก เพราะใช้ระบบออโตเมชั่น ซึ่งเครื่องจักรที่ซื้อมาคาดว่าจะรองรับกำลังผลิตได้ถึงปี 57-58
"ปี 56 จะเป็นปีที่สดใส จากปีนี้เตรียมกำลังการผลิต พอปี 56 ลูกค้ามาใช้บริการได้ น่าจะเห็นผลประกอบการเป็นบวกได้เหมือนก่อนช่วงน้ำท่วม"นายพลศักดิ์ กล่าว