อันดับเครดิตสะท้อนสถานะการเป็นบริษัทโฮลดิ้งซึ่งทำธุรกิจลงทุนในกลุ่มธนชาต ตลอดจนอำนาจการบริหารงานในธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ผ่านการถือหุ้น 50.96% และผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลที่ได้รับอย่างสม่ำเสมอจากธนาคารธนชาต แต่อันดับเครดิตองค์กรของบริษัทอยู่ในระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กรของธนาคารธนชาตซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์อยู่ 1 ขั้น อันสะท้อนถึงการพึ่งพารายได้เงินปันผลจากธนาคารธนชาตเป็นหลัก รวมถึงข้อจำกัดจากกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องในการจ่ายเงินปันผลดังกล่าว
ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนความคาดหมายว่า ธนาคารธนชาตซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของบริษัทจะสามารถผสานประโยชน์ทางธุรกิจกับ Bank of Nova Scotia (BNS) เพื่อให้สถานะทางการแข่งขันในธุรกิจหลักมีความแข็งแกร่งขึ้น อีกทั้งการสนับสนุนทั้งด้านการเงิน ความรู้และความเชี่ยวชาญจากพันธมิตรธุรกิจ อันได้แก่ BNS และบริษัททุนธนชาต จะช่วยให้การดำเนินธุรกิจและผลประกอบการของธนาคารธนชาตดีขึ้นในอนาคต
อันดับเครดิตของบริษัททุนธนชาตสะท้อนถึงคณะผู้บริหารที่มีความสามารถ ระบบการบริหารความเสี่ยงที่พัฒนาขึ้นมาในระดับมาตรฐาน รวมถึงการสนับสนุนด้านธุรกิจและเงินทุนจากพันธมิตรทางธุรกิจคือ BNS ซึ่งถือหุ้นในธนาคารธนชาต 49% อันดับเครดิตยังสะท้อนมูลค่าเครือข่ายธุรกิจที่ดีขึ้นรวมทั้งเครือข่ายสาขาที่ครอบคลุมทั่วประเทศของธนาคารธนชาตภายหลังการควบรวมกิจการกับธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) ในปี 2553
อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ยังคงอ่อนแอ ภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ และธุรกิจหลักทรัพย์ รวมถึงความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลก โดยปัจจัยเหล่านี้อาจจำกัดความสามารถในการทำกำไรและโอกาสในการขยายธุรกิจของกลุ่มธนชาต
ทริสเรทติ้งรายงานว่า ณ เดือนมิถุนายน 2555 TCAP มีสินทรัพย์รวมมากเป็นอันดับที่ 6 ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทย 15 แห่ง โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อที่ 7.9% และของเงินฝากที่ 6.8% บริษัทมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 928.9 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2555 เพิ่มขึ้น 7.9% จาก 860.5 พันล้านบาท ณ เดือนมิถุนายน 2554 บริษัทมีฐานะทางการเงินที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 โดยมีกำไรสุทธิในงบการเงินรวมสำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2555 จำนวน 2.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลจากสำรองหนี้สูญที่ต่ำลง รวมทั้งรายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มมากขึ้น
อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ย (Return on Average Asset -- ROAA) สำหรับงวดครึ่งแรกของปี 2555 เท่ากับ 0.32% (ยังไม่ได้ปรับให้เป็นตัวเลขเต็มปี) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 0.31% ในช่วงเดียวกันของปี 2554 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นถัวเฉลี่ย (Return on Average Equity -- ROAE) ปรับลดลงเล็กน้อย จาก 3.80% (ยังไม่ได้ปรับให้เป็นตัวเลขเต็มปี) เป็น 3.76% เนื่องจากส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่มากกว่ากำไรสุทธิ สำหรับอัตราส่วนส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นจาก 8.36% ในเดือนมิถุนายน 2554 เป็น 8.49% ณ เดือนมิถุนายน 2555
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า TCAP มีสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นในปี 2553 และ 2554 จากการที่ธนาคารธนชาตควบรวมกิจการกับธนาคารนครหลวงไทย โดยส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อธุรกิจของธนาคารนครหลวงไทย แต่ภายหลังการควบรวมกิจการแล้วเสร็จ สินเชื่อด้อยคุณภาพลดลงอย่างต่อเนื่อง ณ เดือนมิถุนายน 2555 อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมเท่ากับ 5.23% ลดลงจาก 6.18% ในปี 2554 และ 6.46% ในปี 2553
อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนดังกล่าวยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ไทย 15 แห่งที่ระดับ 3.37% บริษัทมีสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (สินเชื่อที่ค้างชำระเกินกว่า 3 เดือน ยอดคงค้างของสินเชื่อที่ปรับโครงสร้างหนี้ และสินทรัพย์รอการขาย) ณ เดือนมิถุนายน 2555 คิดเป็น 0.78 เท่าของเงินกองทุนซึ่งรวมค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ โดยลดลงจาก 0.81 เท่าในปี 2554 แต่ยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ระดับ 0.47 เท่า ทั้งนี้ ระบบการบริหารความเสี่ยงที่ดีขึ้น คณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์ และธุรกิจที่มีการกระจายตัว เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยปกป้องบริษัทจากความเสี่ยงในภาวะถดถอยได้ในระยะกลาง