ในไตรมาส 3/55 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้รวมทั้งสิ้น 52,431 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จำนวน 2,470 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.9 ค่าใช้จ่ายไม่รวมกำไร (ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ มีจำนวนทั้งสิ้น 50,399 ล้านบาท สูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 731 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.5
อย่างไรก็ตาม ในส่วนค่าใช้จ่ายเฉพาะกิจการลดลง 803 ล้านบาท โดยค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ต่ำกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าน้ำมันเครื่องบินต่ำกว่าปีก่อน 1,499 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรก่อนอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและภาษีเงินได้ 2,032 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1,739 ล้านบาท
แต่เนื่องจากในไตรมาสนี้ บริษัทฯ และบริษัทย่อยขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจำนวน 120 ล้านบาท เปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 2,299 ล้านบาท เป็นผลให้บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรก่อนภาษีเงินได้ 1,912 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 680 ล้านบาท
การดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/55 การเดินทางทางอากาศที่ยังคงขยายตัวจากปีก่อน และบริษัทฯ ได้ปรับเปลี่ยนตารางบินให้สอดคล้องกับความต้องการเดินทางในแต่ละช่วงเวลา(Seasonality) อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาวะการแข่งขันได้รวดเร็วขึ้น มีการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ที่นั่งผู้โดยสารและปรับปรุงการให้บริการอย่างต่อเนื่อง
ประกอบกับการเปิดให้บริการของการบินไทยสมายล์ ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจ (Business Unit) ใหม่ของการบินไทย และเป็นบริการใหม่ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุน สร้างโอกาสในการขยายตัวให้แก่ ตลาดเส้นทางบินระยะใกล้ในภูมิภาคเอเชีย ได้การตอบรับจากผู้โดยสารอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ ทำให้ปริมาณการขนส่งผู้โดยสารรวมทั้งระบบของการบินไทย เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ยร้อยละ 76.7 สูงกว่าไตรมาสเดียวกันปีก่อนซึ่งเฉลี่ยร้อยละ 74.0
ประกอบกับราคาเฉลี่ยน้ำมันที่ถึงแม้ยังคงอยู่ในระดับสูง แต่ก็ลดลงจากราคาเฉลี่ยในช่วงเวลาเดียวกัน ของปีก่อน เมื่อรวมกับค่าชดเชยจากการบริหารความเสี่ยงราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ทำให้ค่าน้ำมันเครื่องบินเฉพาะกิจการต่ำกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 7.5 ส่งผลให้การบินไทยมีกำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit) เพิ่มขึ้นจากปีก่อน
สำหรับผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 55 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิรวม 4,078 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่จำนวน 3,868 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.77 บาท เปรียบเทียบกับเก้าเดือนแรกของปี 2554 ซึ่งขาดทุน 4,809 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 2.20 บาท ทั้งนี้ บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรเบ็ดเสร็จอื่น จำนวน 54 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรเบ็ดเสร็จรวม 4,132 ล้านบาท โดยมีกำไรเบ็ดเสร็จส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ จำนวน 3,922 ล้านบาท
ณ วันที่ 30 ก.ย.55 บริษัทและบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 291,553 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันที่ 31 ธ.ค.54 จำนวน 17,108 ล้านบาท หนี้สินรวมทั้งสิ้น 223,691 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12,681 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 67,862 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,427 ล้านบาท