บลจ.ทิสโก้ ขายกองทุน ไชน่า ทริกเกอร์ ตั้งเป้ากำไร 8%ใน 8 เดือน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 15, 2012 11:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บลจ.ทิสโก้ คว้าจังหวะเปิดขาย “กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 8% # 5" ลุยตลาดหุ้นจีน หลังเศรษฐกิจเติบโตโดดเด่น พร้อมรับอานิสงส์กระแสเงินทุนไหลเข้าหนุนตลาดหุ้นสดใส แนะลงทุนเพื่อเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดีขึ้น ตั้งเป้าทำกำไรภายใน 8 เดือน ให้ผลตอบแทน 8% เปิดไอพีโอครั้งเดียวตั้งแต่วันนี้ — 27 พ.ย. 55 ที่บลจ.ทิสโก้และธนาคารทิสโก้ ทุกสาขา ลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท

นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บลจ.ทิสโก้ เปิดเผยว่า TISCO Wealth เสนอขายกองทาร์เก็ตฟันด์ลงทุนในหุ้นจีน โดยจะลงทุนผ่านกองทุนอีทีเอฟต่างประเทศ ได้แก่กองทุน Lyxor ETF China Enterprise (HSCEI) ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ซึ่งมีนโยบายการลงทุนในตราสารทุนเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี Hang Seng China Enterprise (HSCEI) โดยตั้งเป้าหมายผลตอบแทนไว้ที่ 8% โดยมีอายุโครงการประมาณ 8 เดือน หรือสามารถเลิกโครงการก่อนครบกำหนดอายุโครงการ หากสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 8% หรือ NAV มีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.80 บาท

TISCO Wealth ระบุว่า ยังมีมุมมองเป็นบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้น เนื่องจากยังเป็นการลงทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนในระดับที่น่าพึงพอใจ ทั้งนี้จากข้อมูลการลงทุนในตลาดหุ้นเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา พบว่าเม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศเกิดใหม่โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย โดยประเทศที่มีแรงซื้อเข้ามากที่สุด คือ ตลาดหุ้นจีน

ปริมาณเม็ดเงินที่ไหลเข้าตลาดหุ้นจีนปรับสูงขึ้น ทำให้ตลาดหุ้นจีนเป็นตลาดที่สร้างผลตอบแทนเป็นอันดับต้นๆ ของโลก (Top Performer) โดยคาดว่าตลาดหุ้นจีนจะมีเม็ดเงินไหลเข้าเป็นจำนวนมาก และมีทิศทางที่เป็นบวกอย่างต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้ ดังนั้น TISCO Wealth ยังคงแนะนำการลงทุนในกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่น) โดยเน้นที่ตลาดหุ้นจีน

ทั้งนี้ เศรษฐกิจจีนยังคงมีความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง และสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น รวมทั้งราคาหุ้นถูกเมื่อเทียบกับอดีตที่ผ่านมา นอกจากนี้หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อของจีนปรับตัวตกลงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดอยู่ที่ 1.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี ขณะที่ Reserve Requirement Ratio ปัจจุบันอยู่ที่ 18% ซึ่งยังคงเป็นระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยของจีน คาดว่าจะมีแนวโน้มปรับตัวลดลงจากระดับปัจจุบันที่ 6% ซึ่งเมื่อจีนมีการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินคาดว่าจะส่งผลบวกต่อภาพการลงทุนในจีน เพราะที่ผ่านมาพบว่าทุกครั้งหลังจากทางการจีนผ่อนคลายนโยบายการเงิน ภายใน 3 เดือนหลังจากนั้น ตลาดหุ้นจีนมักจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ