นอกจากนี้ ธุรกิจอาหารก็มีการขยายตัวดีด้วย โดยเฉพาะไตรมาส 4/55 ซึ่งเป็นช่วง High Season ของธุรกิจโรงแรม คาดว่าผลประกอบการงวดไตรมาส 4/55 จะออกมาดีกว่าไตรมาส 3/55 ส่วนปี 2556 ทั้งสองธุรกิจยังมีแนวโน้มสดใสตามกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นและตามแผนการขยายธุรกิจที่ยังมีต่อเนื่อง
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 55 ไว้ในช่วง 1,022-1,090 ล้านบาท ส่วนปีหน้า 56 คาดกำไรสุทธิในช่วง 1,407-1,750 ล้านบาท
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท)
Merrill Lynch ซื้อ 25.00
Deutsche Bank ซื้อ 28.50
บล.ทิสโก้ ซื้อ 28.50
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ซื้อ 27.50
บล.บัวหลวง ซื้อ 26.00
บล.ทรีนีตี้ ซื้อ 25.00
บล.เคที ซีมิโก้ ซื้อเมื่ออ่อนตัว 23.00
บล.ไทยพาณิชย์ ซื้อ 22.00
Merrill Lynch(ML)ได้ปรับราคาเป้าหมายของหุ้น CENTEL จาก 22 บาท ขึ้นสู่ 25 บาท พร้อมแนะนำ"ซื้อ" โดยได้ปรับคาดการณ์การขยายตัวของธุรกิจสูงขึ้น ส่วน กำไร 3Q12 ที่ 104 ล้านบาท +225%YoY, -37%QoQ เป็นไปตามคาด บริษัทขยายธุรกิจโรงแรมไปยังมัลดีฟ คาดบริษัทขยายธุรกิจอาหารได้อีก 16.6%
ส่วน Deutsche Bank(DB)ได้แนะนำ"ซื้อ"หุ้น CENTEL ให้ราคาเป้าหมาย 28.5 บาท คาดกำไรปี 12-13 ที่ 1.09 พันล้านบาท, 1.75 พันล้านบาท ตามลำดับ โดยคาดรายได้แข็งแกร่งจากธุรกิจโรงแรม, RevPar ปรับตัวขึ้น, การขยายธุรกิจ QSR
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บัวหลวง(BLS) กล่าวว่า ปีนี้ถือเป็นปีที่ดีของ CENTEL มองจากโมเมนตัมของผลกำไรที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และช่วงนี้ก็ถือได้ว่าเป็นช่วง High Season ของธุรกิจโรงแรมด้วย โดยคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ไว้ที่ 1,088 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 100% จากปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 550 ล้านบาท ส่วนปี 56 คาดกำไรสุทธิไว้ที่ 1,407 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 55
ทั้งนี้ เป็นผลจากธุรกิจโรงแรมมีการเติบโตดี โดยหากคิดราคาค่าห้องเฉลี่ยต่อห้องต่อคืน(RevPar)จะดีขึ้น โดยปีนี้มองว่า RevPar จะเติบโตเกือบ 10% ซึ่งธุรกิจโรงแรมหากตัว RevPar เติบโตได้เกิน 5% กำไรก็จะเติบโตสูงแล้ว ซึ่งในไตรมาส 3/55 RevPar สูงขึ้น 7.3% เป็นผลจากการปรับราคาค่าห้องพักสูงขึ้น และจำนวนผู้เข้าพักก็ดีขึ้นด้วย อีกทั้งปีนี้ธุรกิจอาหารของ CENTEL ก็มีการขยายตัวดีขึ้นด้วย
นอกจากนี้ CENTEL ยังมีประเด็นเรื่องที่จะเข้าไปเทคโอเวอร์โรงแรมที่มัลดีฟ ซึ่งเป็นโรงแรมที่ให้มาร์จินที่สูงมาก คาดว่าจะเข้าไปบริหาร 3 ปี
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)มองผลกำไรในปีนี้จะเติบโตสูงมาก โดยคาดการณ์กำไรสุทธิปี 55 ไว้ที่ 1,069 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 54 ที่มีกำไรสุทธิ 622 ล้านบาท ส่วนปี 56 กำไรสุทธิก็คาดว่าจะมี 1,443 ล้านบาท
ทั้งนี้ เป็นผลจากธุรกิจโรงแรมมีการเติบโตดี โดยปีนี้คาดว่า RevPar จะเติบโตประมาณ 8-10% ซึ่งในไตรมาส 3/55 RevPar ได้เติบโตขึ้น 7.5% นอกจากนี้ธุรกิจอาหารก็มีการขยายตัวดีขึ้นด้วย โดยไตรมาส 3/55 รายได้ต่อสาขาเติบโต 5.4% และหากมองไปที่ไตรมาส 4/55 ซึ่งเป็นช่วง High Season ของธุรกิจโรงแรม จึงคาดว่าผลประกอบการงวดไตรมาส 4/55 จะออกมาดีกว่าไตรมาส 3/55
ขณะที่ บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น CENTEL จากศักยภาพทำกำไรที่โดดเด่น โดยมองผลประกอบการงวดไตรมาส 4/55 ยังเติบโตโดดเด่นจากไตรมาส 4/54 เนื่องจากปกติไตรมาส 4 จะเข้าสู่ช่วงเทศกาลสำคัญต่าง ๆ อีกทั้งยังไม่มีปัจจัยลบจากน้ำท่วมเช่นปลายปีก่อน จึงคาดทั้งธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหารจะเติบโตอย่างมีนัยฯ
ปี 56 ทั้งสองธุรกิจยังมีแนวโน้มสดใสตามกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นและตามแผนการขยายธุรกิจที่ยังมีต่อเนื่อง ทั้งการขยายสาขาในธุรกิจอาหารเฉลี่ยปีละ 60-70 สาขาและขยายการบริหารในธุรกิจโรงแรม อาทิเช่น ภายในสิ้นปีนี้ CENTEL จะเข้าซื้อลงทุนในหุ้นของโรงแรมมัลดีฟแห่งที่ 1 จากปัจจุบันที่ถืออยู่ 25% เป็น 74% ซึ่งจะทำให้ตั้งแต่ปี 56 ต้องเปลี่ยนการรับรู้ผลประกอบการจาก equity method เป็น conso. (มัลดีฟ 1 มีรายได้ 800ล้านบาทและมีกำไรสุทธิราว 40 ล้านบาท) และจะเริ่มรับรู้ผลประกอบการของโรงแรมมัลดีฟ แห่งที่ 2 (ถือ 75%) ที่จะเริ่มเปิด ก.พ.56 (คาดมีรายได้ราว 450 ล้านบาทและจะคุ้มทุนได้ในปี 56)
จากปัจจัยบวกดังกล่าว จึงขอปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 55 และปี 56 จากเดิมราว 7% และ 18% ตามลำดับ โดยภายไต้ประมาณการใหม่คาดทั้งปี 55 จะมีกำไรสุทธิที่ 1,022 ล้านบาท เติบโต 86%YoY และยังโตต่ออีก 28% YoY ในปี 56