ทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้ ยังนับเป็นฤดูกาลขายที่ดี จากการที่ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยที่ได้เลือกหาโครงการต่างๆ มาตั้งแต่ต้นปี ประกอบกับมาตรการภาษีบ้านหลังแรก ซึ่งจะสิ้นสุดลงในปลายปี 2555 นี้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อที่ดียิ่งขึ้นอีกทางหนึ่ง
นอกจากนี้ ผลจากการสร้างแบรนด์ที่ดีในช่วงที่ผ่านมายังส่งให้ลูกค้าให้ความเชื่อมั่นในแบรนด์ที่อยู่อาศัยของแสนสิริเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ผลประกอบการในช่วงไตรมาสสุดท้ายของแสนสิริสูงเป็นประวัติการณ์อีกครั้งในช่วงสิ้นสุดปี
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทยังคงครองยอดขายโครงการที่อยู่อาศัยต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างรอรับรู้รายได้ (Presale backlog) ในอีก 3 ปีข้างหน้าสูงถึงประมาณ 42,000 ล้านบาทแล้ว ซึ่งนับเป็นยอดขายล่วงหน้าที่สูงที่สุดในระบบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยในขณะนี้ รวมทั้งยังนับเป็นยอดรอรับรู้รายได้ที่สูงที่สุดที่บริษัทเคยทำได้ตั้งแต่ดำเนินธุรกิจ
ในรอบ 9 เดือนของปี 55 บริษัทสามารถสร้างยอดขายโครงการที่อยู่อาศัยรวมได้กว่า 26,349 ล้านบาท มียอดรายได้รวมกว่า 16,013 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันหรือ 9 เดือนของปีที่ผ่านมาซึ่งมีกำไรสุทธิ 951 ล้านบาท จากรายได้รวมที่ 12,886 ล้านบาท และยอดขาย 17,670 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานเฉพาะช่วงไตรมาส 3/2555 บริษัทมียอดขายรวม 8,112 ล้านบาท รายได้รวม 5,280 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 409 ล้านบาท รวมทั้งปัจจุบัน (1 ม.ค.-15 พ.ย.55) บริษัทสร้างยอดขายรวมได้แล้วกว่า 31,011 ล้านบาท จากเป้าหมายยอดขายทั้งปี 55 ซึ่งตั้งไว้ล่าสุดที่ 40,000 ล้านบาท
“ความสำเร็จในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ของแสนสิรินั้น นอกเหนือจากการสร้างการรับรู้ในแบรนด์สินค้า จนเป็นที่ยอมรับจากลูกค้าและความสามารถในการสร้างยอดขายที่สูงในอันดับต้นๆ ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แล้ว การสร้างสรรค์ผลงานให้มีคุณภาพและได้มาตรฐาน รวมถึงการส่งมอบที่พักอาศัยให้กับลูกค้าตามกำหนดเวลาก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน โดยในปีนี้กลุ่มบริษัทแสนสิริมีพันธกิจที่สำคัญที่จะต้องส่งมอบที่อยู่อาศัยให้กับลูกค้าตามสัญญาเป็นมูลค่าเกือบ 27,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นยอดการโอนที่สูงมากในอันดับต้นๆ ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์"นายเศรษฐา กล่าว