บลจ.กรุงศรี ออกกองทุนทริกเกอร์ลงหุ้นไทย ตั้งเป้าทำกำไร 8%ใน 8 เดือน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 15, 2012 16:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. กรุงศรี เปิดเผยว่า บริษัทจะเปิดขายกองทุนเปิดกรุงศรีอิควิตี้ 8% ทริกเกอร์3 (KFEQ8-3) โดยเสนอขายครั้งเดียวระหว่างวันที่ 15 — 21 พ.ย. 55

กองทุนเปิดกรุงศรีอิควิตี้ 8% ทริกเกอร์3 (KFEQ8-3) อายุโครงการประมาณ 8 เดือน มีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่ต่ำกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยคัดเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีมีแนวโน้มการเติบโตสูง และจ่ายปันผลดีหรือหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภคและการลงทุนภายในประเทศเป็น หลัก

“กองทุนเปิดกรุงศรีอิควิตี้ 8%ทริกเกอร์3 เป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนในตราสารทุน เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองโอกาสการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นไทยและต้องการเข้ามาลงทุนเพื่อผลตอบแทนตามเป้าหมาย สามารถรับความผันผวนของราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้ ทั้งนี้ การจัดสรรเงินบางส่วนมาลงทุนในตลาดหุ้นไทยในจังหวะที่เหมาะสมกับกองทุน KFEQ8-3 จะช่วยเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนได้" นายฉัตรพี กล่าว

กองทุน KFEQ8-3 ตั้งเป้าจ่ายผลตอบแทนเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่าเพิ่มขึ้นประมาณ 8%ขึ้นไปคือมูลค่าหน่วยลงทุนเท่ากับหรือมากกว่า 10.91 บาท ต่อหน่วยต่อเนื่องกัน 5 วันทำการ หรือตามมูลค่าหน่วยลงทุน ณ วันที่ครบอายุโครงการ ทั้งนี้ บริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนต่อไป

นายฉัตรพี กล่าวเสริมว่า บริษัทมีมุมมองว่าทิศทางของตลาดหุ้นไทยยังเป็นขาขึ้นในช่วง 12 เดือนข้างหน้าแม้ในระยะสั้นตลาดจะมีความผันผวนอยู่บ้าง และการเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ถือเป็นจังหวะการเข้าลงทุนที่เหมาะสม เนื่องจากราคาหลักทรัพย์มีการปรับฐานลงมาบ้างถือเป็นโอกาสในการซื้อหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี ในราคาถูกและมีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูง

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยสนับสนุนหลายประการทั้งในส่วนของเม็ดเงินลงทุนที่ไหลเข้าประเทศตลาดเกิดใหม่ และเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตจากการลงทุนของภาครัฐที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปี 2556 อาทิเช่น การที่กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการร่าง พรบ.กู้เงินลงทุนเพื่อลงทุนในโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในวงเงิน 2.2 ล้านล้านบาทเป็นระยะเวลา 7 ปี ส่งผลให้การลงทุนรวมเพิ่มขึ้น 15-20% หรือคิดเป็น3 - 4% ของ GDP และมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจในส่วนการลงทุนของภาคเอกชน ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนของไทยมีอัตราการเติบโตที่ดี และการบริโภคภายในประเทศมีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากนโยบายอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทที่จะเริ่มบังคับใช้ทั่วประเทศในปีหน้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ