ขณะนี้มีพันธมิตรเข้ามาติดต่อทั้งหมด 3 ราย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นรายใดบ้าง ซึ่งบริษัทยินดีจะเป็นพันธมิตรกับทุกเครือข่ายไม่ว่าจะเป็นทรูวิชั่นส์ แกรมมี่ หรือ อาร์เอส โดยหากทรูวิชั่นส์จะมาขอถ่ายทอดสดร่วมกันก็ไม่ขัดข้อง แต่ขอดูกฎระเบียบของทางพรีเมียร์ลีกก่อนว่าทำได้หรือไม่ ส่วนการถ่ายทอดผ่านฟรีทีวีต้องมีแน่นอน
ทั้งนี้ นายวิชัย ปฏิเสธที่จะเปิดเผยมูลค่าที่ชนะประมูลลิขสิทธิ์ในครั้งนี้ โดยกล่าวเพียงยังไม่สามารถบอกได้ เนื่องจากต้องรอทางอิงลิชพรีเมียร์ลีก(EPL)อนุญาตก่อน
"ตัวเลขการประมูลบอกไม่ได้จริงๆ เพราะผิดจรนรยาบรรณ ซึ่งต้องรอให้ EPL ออกมาประกาสอย่างเป็นทางการก่อน"นายวิชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายวิชัย เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจะใช้เงินลงทุนการถ่ายทอดสดช่องพรีเมียร์ลีกไปทั่วประเทศ และการแพร่ภาพรายการทั้งหมดอย่างต่ำ 2 หมื่นล้านบาท โดยส่วนของโครงข่ายคาดว่าจะมีมูลค่าลงทุนราว 8 พันล้านบาท ซึ่งเงินลงทุนส่วนใหญ่จะมาจากเงินกู้สถาบันการเงินในประเทศ ที่เหลือจะเป็นเงินทุนส่วนตัว
"คาดว่าในปีหน้าชื่อของ CTH จะติดตลาดใน 900 อำเภอ 76 จังหวัดอย่างแน่นอน และในอีก 3 ปีจะสามารถคุ้มทุน และ CTH จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ในอีก 3 ปีข้างหน้าด้วย"นายวิชัย กล่าว
สำหรับค่าบริการรายเดือนนั้น นายวิชัย กล่าวว่า จะอยู่ในราคาที่ย่อมเยาว์ ซึ่งต้องรอฝ่ายการตลาดวางแผนก่อน คาดว่าแผนการตลาดจะออกมาในช่วงต้นเดือนหน้า
นายวิชัย กล่าวต่ออีกว่า CTH ตั้งใจจะทำให้รายการถ่ายทอดสดศึกชิงแชมป์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก มีความเร้าใจและอินเตอร์แอคทีฟกับผู้ชมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ผ่านระบบดิจิตอลแบบเต็มรูปแบบของเครือข่าย CTH โดยได้ทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านกีฬาจากทางสยามกีฬาและไทยรัฐเข้ามาช่วยงานด้วย ซึ่งขณะนี้ CTH มีโครงข่ายครอบคลุมผู้ชมกว่า 3.5 ล้านครัวเรือนแล้ว เป้าหมาย 3-5 ปีจะขยายให้ครอบคลุม 7-10 ล้านครัวเรือน
CTH จะมีการเปิดตัวรายการ 120 ช่องในไตรมาส 1/56 ซึ่งรวมช่องพรีเมียร์ลีกด้วย เป็นระบบ HD ดิจิตอลบรอดแบนด์