ดัชนีหมวดธนาคารมีหลักทรัพย์ที่เป็นองค์ประกอบจำนวน 11 หลักทรัพย์ โดยหลักทรัพย์หมวดดังกล่าวเป็นที่นิยมของผู้ลงทุนเพราะเป็นหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (market capitalization) รวมกว่า 2 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 20% ของ market capitalization ของตลาดหลักทรัพย์ฯ
นอกจากนี้ ยังเป็นหลักทรัพย์ที่สภาพคล่องสูง โดยหมวดธนาคารเป็นหมวดที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือเฉลี่ยกว่า 6,000 ล้านบาทต่อวันหรือประมาณ 20% ของมูลค่าซื้อขายทั้งหมด ที่สำคัญตลอดทั้งปีดัชนีหมวดธนาคารยังมีการเติบโตสูงกว่าตลาดโดยปรับเพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบกับ SET Index ที่เพิ่มขึ้น 26% การซื้อขาย EBANK จะช่วยให้ผู้ลงทุนได้รับความสะดวกยิ่งขึ้น โดยได้รับผลตอบแทนเหมือนกับการลงทุนในหุ้นธนาคารทั้งหมวด ไม่ต้องซื้อหุ้นเป็นรายตัว และสามารถซื้อขายผ่านบัญชีหุ้นได้ทันที
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย เปิดเผยว่า การที่บริษัทสามารถขายหน่วยลงทุนกองทุน EBANK ได้กว่า 616 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท และมีผู้จองซื้อมากกว่า 2,300 รายนั้น ถือว่าบริษัทประสบความสำเร็จค่อนข้างสูง เนื่องจากได้รับความไว้วางใจเป็นอย่างสูงจากลูกค้าทั่วประเทศผ่านสาขาของธนาคารกรุงไทย และบริษัทหลักทรัพย์เคที ซีมิโก้ ในฐานะผู้ขายฯ และผู้ร่วมค้าหน่วยลงทุน รวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส ในฐานะผู้ดูแลสภาพคล่องของกองทุน และกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ซึ่งเป็นพันธมิตรอีกกว่า 4 แห่ง ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากความเชื่อมั่นในผลงานการบริหารกองทุนที่ผ่านมาของบริษัท
อีกทั้งกองทุน ETF นั้นก็ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนชาวไทยมากขึ้น เนื่องจากใช้เงินจำนวนน้อยในการลงทุน และมีต้นทุนต่ำเมื่อเทียบกับกองทุนรวมทั่วไป นอกจากนี้ ยังสามารถซื้อขายได้สะดวกบนกระดานของตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกด้วย โดยเชื่อว่าหลังจากกองทุนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว จะสามารถดึงดูดเงินลงทุนของผู้ลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศเข้าลงทุนในกองทุนเพิ่มขึ้นอีกมาก ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะจัดตั้งกองทุน Sector ETF อีก 4 กองทุนในช่วงต้นปีหน้า เพื่อเป็นการเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เพื่อรองรับความต้องการของผู้ลงทุนไทยและการเกิดขึ้นของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในอนาคต