นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บลจ. เอ็มเอฟซี (MFC) เปิดเผยว่า เอ็มเอฟซีได้เปิดขายกองทุนสองกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนที่แตกต่างกัน เพื่อให้ผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ตามความเหมาะสมในการยอมรับความเสี่ยงของตนเอง หรือเลือกลงทุนทั้งสองกองทุนพร้อมกันเพื่อเป็นการจัดสัดส่วนของพอร์ตการลงทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีสปอท 33 (SPOT33) ทาร์เก็ตฟันด์ที่เน้นการลงทุนในหลักทรัพย์ในประเทศ โดยตั้งเป้าหมายผลตอบแทนร้อยละ 3 สองครั้งภายใน 5 เดือน ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่สามารถรับความเสี่ยงได้ในระดับสูง
และกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ตราสารหนี้ต่างประเทศ 12 เดือน ซีรี่ส์ 5 (I-Fix12M5) เน้นการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ โดยประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายที่ผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับร้อยละ 3.3 ต่อปี ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่สามารถลงทุนได้ในระยะเวลาปานกลางถึงยาว และรับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลางค่อนข้างต่ำ
กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีสปอท 33 (SPOT33) มีนโยบายลงทุนหุ้นและตราสารหนี้ในประเทศ และตั้งเป้าหมายผลตอบแทนร้อยละ 3 สองครั้ง ภายใน 5 เดือน โดยภายใน 5 เดือนแรกหากกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุน 10.35 บาทขึ้นไป กองทุนเปิด SPOT33 จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติในอัตราร้อยละ 3 ของมูลค่าที่ตราไว้ (10 บาท) เพื่อให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับคืนผลตอบแทนครั้งที่ 1 ในอัตราร้อยละ 3 ก่อน และบริษัทจัดการจะทำการบริหารเงินลงทุนเดิมเพื่อให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้นต่อจนเข้าเงื่อนไขการเลิกกองทุนตามเป้าหมายเพื่อรับผลตอบแทนอีกร้อยละ 3 ต่อไป
กลยุทธ์ของกองทุนเปิด SPOT33 จะลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานดีในตลาดหลักทรัพย์ไทย โดยมีการบริหารกองทุนแบบ Active ซึ่งผู้จัดการกองทุนสามารถปรับพอร์ตการลงทุนตามสภาวการณ์ตลาดได้ทันท่วงทีทั้งตราสารทุนและตราสารหนี้ และสามารถลงทุนในตราสารอนุพันธ์ โดยลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใน SET50 Index Futures
เอ็มเอฟซีคาดว่ามีปัจจัยสนับสนุนที่ดีต่อโอกาสการลงทุนของกองทุนเปิด SPOT33 ให้ได้ผลตอบแทนตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้แก่ เศรษฐกิจไทยที่สามารถขยายตัวได้แข็งแกร่ง จากการลงทุนภาครัฐ และการบริโภคของภาคเอกชน โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะยังขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 4.5-5.0% ในปีหน้า และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์คาดว่าจะสามารถเติบโตได้ 18% ในปีนี้ และ 17% .ในปีหน้า นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจลงทุนจากการขยายตัวของกำไรที่สูงเมื่อเทียบกับตลาดอื่นในภูมิภาค
สำหรับกองทุนเปิด I-Fix12M5 เป็นกองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนในต่างประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ และมีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินแบบเต็มจำนวน (Fully Hedge) โดยประมาณการผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนร้อยละ 3.42 ต่อปี ประมาณการค่าใช้จ่ายของกองทุนร้อยละ 0.12 และประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายที่ผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับร้อยละ 3.3 ต่อปี โดยหากไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้เนื่องจากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป บริษัทจัดการอาจไม่รับซื้อคืนหน่วยลงทุนตามอัตราดังกล่าว
ตัวอย่างตราสารที่คาดว่ากองทุนเปิด I-Fix12M5 จะลงทุนได้แก่ เงินฝากประจำ First Gulf Bank สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ร้อยละ 24 ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับร้อยละ 0.89 ต่อปี เงินฝากประจำ Standard Chartered Bank (Singapore) ร้อยละ 20 ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับร้อยละ 0.72 ต่อปี ตราสารหนี้ระยะสั้นของบราซิล ได้แก่ Banco Santander ร้อยละ 24 ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับร้อยละ 0.82 ต่อปี Banco Brandesco ร้อยละ 15 ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับร้อยละ 0.46 ต่อปี และ Itau Unibanco ร้อยละ 17 ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับร้อยละ 0.53 ต่อปี โดยกองทุนอาจพิจารณาลงทุนในตราสารอื่นแทนหรือเพิ่มเติม เช่น พันธบัตรรัฐบาลเกาหลี เป็นต้น หรือตราสารอื่นที่มีอันดับความน่าเชื่อถือในอันดับที่สามารถลงทุนได้
ในปีนี้เอ็มเอฟซีสามารถกวาดยอดขายกองทุนรวมที่เสนอขายใหม่เป็นเงินกว่า 11,000 ล้านบาท โดยเป็นกองทุนตราสารหนี้ 10 กองทุน รวมกว่า 7,000 ล้านบาท และกองทุนทาร์เก็ตฟันด์ 9 กองทุน รวมกว่า 4,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ปีนี้ยังเป็นอีกหนึ่งปีทองของทาร์เก็ตฟันด์ที่เอ็มเอฟซีประสบความสำเร็จในการบริหารกองทุน และผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนตามเป้าหมายถึง 8 กองทุนด้วยกัน