(เพิ่มเติม) MINT ตั้งเป้ากำไรปี 56-60 โตเฉลี่ย 15-20% งบลงทุนรวม 3.5-4.1 หมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 19, 2012 16:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล(MINT)ตั้งเป้าช่วง 5 ปี(ปี 56-60) กำไรจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 15-20% โดยบริษัทตั้งงบลงทุนรวมราว 2.0-2.5 หมื่นล้านบาท รวมการแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ อีก 1.5-1.6 หมื่นล้านบาท รวมเป็นประมาณ 3.5 -4.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งในปีแรกของแผนงานคือปี 56 จะใช้งบลงทุนราว 6 พันล้านบาท

บริษัทมองว่าธุรกิจโรงแรมยังมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 56 คาดว่าอัตราการเข้าพักโรงแรมในเครือจะเพิ่มขึ้นเป็น 73-75% จากปีนี้อยู่ที่ 70-72% ขณะที่บริษัทเตรียมปรับขึ้นค่าห้องพักอีกมากกว่า 5% ในปีหน้า จากปีนี้ปรับขึ้น 3-5%

นายชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ รองประธานฝ่ายกลยุทธ์ และนักลงทุนสัมพันธ์ MINT คาดว่าในปี 55 บริษัทจะมีกำไรสุทธิมากกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2.88 พันล้านบาท ซึ่งในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทมีกำไรสุทธิ 2.22 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 54% โดยกำไรก่อนรายการพิเศษที่มีจำนวน 1.45 พันล้านบาท เป็นผลจากธุรกิจโรงแรมและอาหารปรับตัวดีขึ้น และคาดว่าในไตรมาส 4/55 กำไรจะเติบโตต่อเนื่อง เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่น

"ไตรมาส 4 เราหวังว่าจะดีขึ้น และ 3 ไตรมาสที่ผ่านมากำไรเติบโต 54% ก็ยังน่าจะเป็นไปได้สูงที่ปีนี้กำไรจะทำนิวไฮ กำไรเราโตเกิน 15% อยู่แล้ว"นายชัยพัฒน์ กล่าว

นอกเหนือจากการเติบโตของธุรกิจแล้ว ในปีนี้บริษัทจ่ายภาษีนิติบุคคลในอัตราที่ลดลงมาที่ 23% จาก 30% ช่วยทำให้มีกำไรสุทธิดีขึ้น แม้ว่าค่าแรงจะมีการปรับขึ้นก็ตาม แต่ไม่ได้เป็นต้นทุนที่สูงขึ้นมาก รวมทั้งปีนี้บริษัทรับรู้ผลการดำเนินงานของ OAKS Hotels and Resorts ในประเทศออสเตรเลียเต็มปี จากปีก่อนรับรู้เพียง 7 เดือน

นายชัยพัฒน์ เห็นว่า การชุมนุมทางการเมืองในช่วงปลายสัปดาห์นี้น่าจะไม่มีความรุนแรง โดยถือว่ามีความเสี่ยงไม่มากเมื่อเทียบกับที่เคยเกิดเหตุการณ์ชุมนุมในอดีตช่วงปี 52-53 เชื่อว่าสถานการณ์ครั้งนี้จะไม่ขยายวงรุนแรงหรือแย่จนนักท่องเที่ยวไม่มาเที่ยวเมืองไทย และแนวโน้มธุรกิจท่องเที่ยวนับจากนี้คาดว่าเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ทางการคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเกินกว่า 20 ล้านคน และปี 56 จะมีนักท่องเที่ยวเกินกว่า 22 ล้านคน

สำหรับงบลงทุนในช่วง 5 ปีข้างหน้า บริษัทตั้งงบที่ลงทุนในแผนธุรกิจที่มีความชัดเจนแล้วจำนวน 2.0-2.5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นลงทุนในธุรกิจโรงแรม รวมทั้งโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ สัดส่วน 70% ส่วนอีก 30% เป็นการลงทุนในธุรกิจอาหาร

นายชัยพัฒน์ กล่าวว่า บริษัทจะเพิ่มจำนวนโรงแรมใหม่ควบคู่ไปกับที่พักอาศัยด้วย ได้แก่ โครงการอนันตรา ภูเก็ต ที่มีมูลค่าประมาณ 2-3 พันล้านบาท โดยสร้างเป็นโรงแรมขนาด 77 ห้อง คาดแล้วเสร็จปลายปี 56 และส่วนที่พักอาศัย 17-20 หลังแล้วเสร็จในปลายปี 57

ประกอบกับ โครงการพักผ่อนแบบปันส่วนเวลา ANANTARA VACATION CLUB หรือธุรกิจไทม์แชริ่ง ปัจจุบันบริษัทมีที่พักอาศัยเพื่อพักผ่อนอยู่ 46 หลังอยู่หลายทำเล เช่น กรุงเทพ บาหลี ภูเก็ต และ นิวซีแลนด์ เป็นต้น โดยมีจำนวนสมาชิกกว่า 2 พันคน ส่วนใหญ่อยู่ในเอเชีย ทั้งนี้บริษัทมีแผนจะก่อสร้างที่พักอาศัยเพิ่มอีก 350-400 หลัง ในอีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งรวมอยู่ในงบลงทุนของบริษัท

ทั้งนี้ ในปี 56 โครงการที่แล้วเสร็จ ได้แก่ โรงแรมอนัตราภูเก็ต และโรงแรมขนาดเล็ก 2 แห่งในแอฟริกา ส่วนปี 57 จะมีโรงแรมแกรนด์ โฮเต็ล ที่อยู่ภายใต้ OAKS Hotel and Resorts ในออสเตรเลีย และโรงแรม AVANI ในศรีลังกา ขณะที่ปี 58 จะมีโรงแรมอนัตราศรีลังกา โรงแรมขนาดเล็ก 2 แห่งในแอฟริกา และ โรงแรม AVANI ในกรุงเทพ

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างทำการศึกษาจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ โดยกำลังพิจารณาว่าจะนำสินทรัพย์ที่ใดเข้ามาขายเข้าเป็นสินทรัพย์กองทุนฯ และแนวโน้มว่าจะจัดตั้งได้หรือไม่


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ