ทั้งนี้ ดีเอ็นเอ 2002 เป็นผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าสื่อโฮมเอนเตอร์เทนเม้นท์ในรูปแบบร้านค้าปลีก ได้แก่ ภาพยนตร์ เพลง ที่ถูกต้องตามลิขสิทธิ์ในรูปแบบบลูเรย์ ดีวีดี วีซีดีและซีดี และสินค้าประเภทสิ่งพิมพ์ เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสารรายสัปดาห์ รายปักษ์ รายเดือน และพ็อกเก็ตบุ๊ค ภายใต้ช่องทางขายร้านค้าปลีกของบริษัทฯ และร้านค้าร่วมบริการอยู่ในห้างค้าปลีกที่มีมากกว่า 1,432 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำในการดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าสื่อโฮมเอนเตอร์เทนเม้นท์ในรูปแบบร้านค้าปลีกที่มีช่องทางขายมากเป็นอันดับ 2 ของตลาดโฮมเอนเตอร์เทนเม้นท์ที่มีมูลค่าตลาดรวมกว่า 5,000 ล้านบาท
ปัจจุบัน บริษัทมีทุนจดทะเบียน 160 ล้านบาท หรือ 640 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท เป็นทุนจดทะเบียนขำระแล้ว 120 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัท และคาดว่าจะเสนอขายหุ้น IPO รวมถึงเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ภายในปลายปีนี้
ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย. 55) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 42.53 ล้านบาท เติบโต 108.24% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 20.42 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวม 1,014.93 ล้านบาท เติบโต 26.20% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 804.24 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/55 บริษัทฯ มีรายได้รวม 377.27 ล้านบาท กำไรสุทธิ 9.45 ล้านบาท
ปัจจัยที่ทำให้ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างมาก มาจากยอดขายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการขยายช่องทางการจำหน่าย กำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นจากอำนาจต่อรองของบริษัทที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายในการบริหารที่ลดลงจากการบริหารภายในที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
นายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ.ดีเอ็นเอ 2002 กล่าวว่า บริษัทยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล(ไฟลิ่ง)ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 20 ก.ค.55 เพื่อเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 160 ล้านหุ้น คิดเป็น 25% ของทุนจดทะเบียนภายหลังการเสนอขาย
ด้านนายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บล.คันทรี่ กรุ๊ป(CGS) กล่าวว่า ธุรกิจของดีเอ็นเอ 2002 มีศักยภาพในการเติบโตอย่างมาก เนื่องจากบริษัทมีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจน นอกจากการขยายช่องทางการจำหน่ายทั้งร้านค้าปลีกและจุดจำหน่ายกว่ 1,432 สาขาทั่วประเทศ ขณะเดียวกันบริษัทยังเน้นทำเลที่ตั้งร้านนค้าที่เข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องขนาดของพื้นที่ร้านค้าที่เหมาะสม รวมถึงสินค้าที่หลากหลายทั้งแผ่นภาพยนตร์ เพลง สิ่งพิมพ์ โดยแผ่นภาพยนตร์มีหลายประเภททั้ง VCD DVD Blu-ray การขยาย Product life cycle โดยการผลิตเป็นแผ่นภาพยนตร์ All-in-one หลายเรื่องในแผ่นเดียว และระบบการบริหารจัดการที่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ในการบริหารการขาย สินค้าคงคลัง และบัญชี ทำให้ข้อมูฃที่อัพเดทแบบ real-time สามารถนำมาวิเคราะห์ทางการบริหารได้และในอนาคต บริษัทยังได้ขยายสาขาไปกับห้างเทสโก้ โลตัส ที่จะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกปีละกว่า 10 สาขา