ทั้งนี้ หลังการเพิ่มทุนครั้งนี้จะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของ PTTEP ลดลงมาที่ 0.35 เท่า จาก 0.77 เท่า ณ สิ้นเดือน ก.ย. 55 และ อัตราส่วนหนี้สินต่อ EBITDA จะปรับลดมาที่ 0.79 เท่า จาก 1.23 เท่า ณ สิ้นเดือน ก.ย.55 ทำให้บริษัทเพิ่มความสามารถกู้เงินจากสถาบันการเงินได้เพิ่มขึ้นอีก รวมทั้งการออกหุ้นกู้
"คิดว่ายังไม่ต้องเพิ่มทุนอย่างน้อย 3 ปี...การระดมทุนเราก็จะมีต่อเนื่องจากการชำระคืนหนี้และแผนการเงินสอดคล้องกับแผนธุรกิจ"นายเทวินทร์ กล่าว
นายเทวินทร์ ยังกล่าวถึงการดำเนินงานของแหล่งมอนทาราในออสเตรเลียที่เตรียมเริ่มผลิตในไตรมาส 1/56 หลังจากได้รับใบอนุญาตจากทางการ และได้นำเรือผลิตเข้าประจำที่ต่อเชื่อมกับหลุมเจาะ ซึ่งอยู่ในช่วงเตรียมการนั้น คาดว่าจะเริ่มได้ในเดือนก.พ. 56 ซึ่งมีความเป็นไปได้ 50% เพราะในช่วงนี้คาดว่าจะมีพายุเข้ามา ส่วนแหล่งซอติก้าในพม่าจะเริ่มผลิตในปลายปี 56
ด้านนางเพ็ญจันทร์ จริเกษม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานการเงินและการบัญชี PTTEP กล่าวว่า หลังจากบริษัททำการเพิ่มทุนเรียบร้อยแล้ว จะจัดพอร์ตหนี้ใหม่ โดยจะจัดสรรหนี้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่ 70-75% หนี้สกุลเงินบาท 5% และที่เหลือเป็นหนี้สกุลดอลลาร์แคนาดา จากสิ้น ก.ย.55 มีหนี้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ 59% หนี้สกุลเงินบาท 5% หนี้สกุลดอลลาร์แคนาดา 9% และหนี้เงินปอนด์ 27% ซึ่งมาจากการกู้ยืมเงินบริดจ์โลนที่จะชำระหลังได้เงินเพิ่มทุน อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3.26% อายุเงินกู้เฉลี่ย 5.73 ปี
นอกจากนี้ บริษัทยังมีภาระการชำระคึนหนี้ในปี 56 จำนวน 100 กว่าล้านเหรียญ และในปี 57 จะต้องชำระคืนหนี้จำนวนประมาณ 1 พันล้านเหรียญ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นกู้สกุลบาท