ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับขึ้น 0.3% ปิดที่ 269.49 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3462.06 จุด บวก 22.48 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 7172.99 จุด บวก 49.15 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5748.10 จุด บวก 10.44 จุด
นักลงทุนจับตาดูการประชุมกลุ่มยูโรกรุ๊ปที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม โดยคาดว่าที่ประชุมจะตกลงให้เงินกู้งวดใหม่ต่อกรีซ นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือกันเกี่ยวกับขั้นตอนต่อไปในการสร้างความเชื่อมั่นว่าโครงการสร้างเสถียรภาพและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่นำมาใช้ในปี 2553 นั้นจะประสบความสำเร็จ เพื่อแลกกับเงินกู้งวดใหม่ เพื่อช่วยคลี่คลายวิกฤตการเงินของกรีซและยุโรป
ขณะที่รัฐบาลกรีซได้ออกกฎระเบียบหลักๆ 2 ข้อ ซึ่งลงรายละเอียดเกี่ยวกับกระบวนการกำกับดูแลการปรับเปลี่ยนด้านการคลัง และการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง ก่อนที่การประชุมรมว.คลังยูโรโซน หรือยูโรกรุ๊ป จะมีขึ้นในวันนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างความเชื่อมั่นว่ากรีซจะได้รับความช่วยเหลือด้านการเงินมูลค่า 4.4 หมื่นล้านยูโรจากยูโรโซนเพื่อช่วยให้กรีซสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ได้
ทั้งนี้ หากกรีซไม่ได้รับเงินกู้ดังกล่าว ก็อาจจะทำให้เศรษฐกิจกรีซล่มสลายภายในสิ้นปีนี้ และอาจจะบีบให้กรีซต้องออกจากกลุ่มยูโรโซน นอกจากนี้ ยังอาจจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อระบบการเงินทั่วโลกด้วย
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกว่า อิสราเอลและปาเลสไตน์จะยอมลงนามข้อตกลงหยุดยิงในฉวนกาซา และรายงานที่ว่าตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านในเดือนต.ค.ของสหรัฐพุ่งขึ้น 3.6% แตะ 894,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่เดือนก.ค.ปี 2551
หุ้นอีซีเจ็ท ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 6.1% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มการจ่ายเงินปันผลเป็น 21.5 เพนซ์ จากระดับ 10.5 เพนซ์
ส่วนหุ้นในกลุ่มเหมืองแร่นั้น หุ้นเอ็กสตราต้าพุ่งขึ้น 3.1% และหุ้นเกล็นคอร์ ดีดตัวขึ้น 1.6% หลังจากเกล็นคอร์เข้าเทคโอเวอร์กิจการเอ็กสตราต้าเป็นเงินมูลค่า 3.1 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นดอยช์แบงก์ ร่วงลง 1.4% ขณะที่หุ้นธนาคารอินเทซา ซานเปาโล ร่วงลง 1.1%
หุ้นเฟี๊ยต ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของอิตาลี ร่วงลง 5% หลังจากนักวิเคราะห์ของยูบีเอสได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นเฟี๊ยต และกล่าวว่าเฟี๊ยตอาจจะต้องระดมทุนราว 1.6 - 2.9 พันล้านยูโร เพื่อเป็นทุนในการซื้อหุ้นที่เหลืออยู่ในไครสเลอร์ กรุ๊ป