(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งแคบหลังยังไร้ปัจจัยใหม่หนุน-ยังติดตามปัจจัยนอกปท.

สำหรับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็มีการเปิดมาในแดนบวก ซึ่งนักลงทุนยังคงติดตามปัจจัยจากนอกประเทศอยู่ ทั้งเรื่องกรีซว่าจะได้รับเงินช่วยเหลือหรือไม่ และรอดูการแก้ไขปัญหา Fiscal Cliff ในสหรัฐฯ

ส่วนแรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่ออกมาอย่างต่อเนื่องนั้น มองว่านักลงทุนต่างชาติคงจะขายอีกไม่นาน เพราะขายขนาดนี้ยังทำให้ตลาดฯปรับตัวลงไปไม่ได้มากเลย สุดท้ายก็คงจะกลับเข้ามาซื้ออีกครั้ง ส่วนปัจจัยการเมืองก็ไม่มีอะไรเป็นกังวลถ้าไม่มีเหตุการณ์รุนแรง

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

• ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(20 พ.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 12,788.51 จุด ลดลง 7.45 จุด(-0.06%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,387.81 จุด เพิ่มขึ้น 0.92 จุด(+0.07%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 2,916.68 จุด เพิ่มขึ้น 0.61 จุด(+0.02%)
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 71.09 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 139.27 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 4.47 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 5.54 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.47 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 4.76 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 0.09 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.80 จุด
• ตลาดหุ้นไทยปิดเมื่อวานนี้(20 พ.ย.)1,276.41 จุด ลดลง 7.24 จุด(-0.56%)
• นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,173.06 ล้านบาท เมื่อ 20 พ.ย.55
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(20 พ.ย.) ที่ 86.75 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 2.53 ดอลลลาร์หรือ 2.8%
• ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์วานนี้(20 พ.ย.) ปิดที่ 4.8 เหรียญฯ/บาร์เรล
• เงินบาทเปิดตลาดเช้าที่ระดับ 30.68/70 แนวโน้มแข็งค่าตามภูมิภาค
• ครม. รับทราบมติคณะกรรมการค่าจ้างดีเดย์ขึ้นค่าแรง 300 บาททั่วประเทศ 1 ม.ค. 2556 ตั้ง "กิตติรัตน์" ประธานคณะกรรมการร่วมเอกชนออกมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีเพิ่ม "พยุงศักดิ์" แนะตั้งกองทุนจ่ายส่วนต่างค่าจ้างขั้นต่ำที่ปรับขึ้นให้ผู้ประกอบการ ยืนกรานไม่ลาออก ขณะที่เลขาฯ ส.อ.ท. ชี้ ถึงเวลาต้องเปลี่ยนประธาน เล็งเสนอบอร์ด 26 พ.ย. นี้
• นายคณิศ แสงสุพรรณ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) กล่าวว่ารัฐบาลอยู่ระหว่างดำเนินการออกพระราชบัญญัติกู้เงิน 2-2.27 ล้านล้านบาท เพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน คาดว่าจะเสร็จภายในสิ้นปีนี้ โดยระยะเวลาการลงทุน 7 ปี แต่ละปีมีเงินลงทุน 3 แสนล้านบาท ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นปีละ 0.4-0.5%
• สภาทองคำโลกเผยธนาคารกลางหลายประเทศ ตุนทองคำต่อเนื่องในไตรมาส 3 ปีนี้ หลังประเมินจำเป็นต้องลดถือดอลลาร์สหรัฐที่ยังคงอ่อนค่าฉุดมูลค่าทุนสำรองต่ำลง พร้อมกระจายความเสี่ยงหันไปถือสกุลเงินคู่ค้าอื่นรวมถึงหยวนจีนไว้มากขึ้น
• ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินจีดีพีปีหน้ายังได้ 5% ในกรอบ 4.5-5.5% ภายใต้สมมติฐานสหรัฐฯเลี่ยง Fisca Cliff ได้ยูโรโซนไม่ทรุดกว่าเดิม และจีนฟื้น ชูใช้จ่ายภาครัฐเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก หวังส่งออกฟื้นกลับมาโตได้ 2 หลัก ส่วนลงทุนภาคเอกชนชะลอหลังหมดช่วงซ่อมแซมน้ำท่วม

*หุ้นเด่นวันนี้

• BLA(ฟินันเซีย ไซรัส)ปรับมาใช้ราคาเป้าหมายปี 2013 ที่ 52.60 บาท และเพิ่มคำแนะนำเป็น"ซื้อ"จากเดิม"ถือ"แม้ว่าภาวะดอกเบี้ยขาลงจะเป็นลบกับธุรกิจ แต่เชื่อว่าความพยายามในการปรับพอร์ตเบี้ยประกันน่าจะทำให้กำไรในปีหน้าฟื้นตัวได้ในระดับ 23%
• KK(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ทยอยสะสม"เป้า 53 บาท รายงานยอดสินเชื่อเดือน ต.ค. เติบโต +1.5% mom และ +20.1% Ytd ดีกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคาร และคาดสินเชื่อช่วงที่เหลือของปีจะขยายตัวต่อเนื่องหลังเข้าสู่ High Season ซึ่งจะผลักดันกำไรสุทธิ 4Q55 ให้เติบโตโดดเด่นแตะระดับ 1 พันล้านบาท และปัจจัยบวกระยะสั้น 1 เดือนข้างหน้า มีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกเพิ่มเข้าสู่การคำนวณดัชนี SET 50 ซึ่งจะประกาศในช่วงกลางเดือน ธ.ค. และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือน ม.ค.2556
• RML(เกียรตินาคิน)"ซื้อเก็งกำไร"ผู้บริหาร RML ยืนยันการเดินหน้ารุกโครงการคอนโดมีเนียมในกรุงเทพและต่างจังหวัด โดยมีเป้าหมายเปิดตัวโครงการใหม่ 2 — 3 แห่งต่อปี เพื่อสร้างยอดขาย ทำให้เชื่อว่าการเติบโตของรายได้และกำไรสุทธิในระยะยาวยังอยู่ในประมาณการ โดยคาดว่าปี 2555 กำไรของ RML จะเติบโต 43% YoY ขณะที่งวด 4Q55 คาดว่าจะไตรมาสที่มีกำไรสูงสุดในรอบปีจากการรับรู้โครงการ The River ไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาท พร้อมให้มูลค่าเหมาะสม 2.22 บาท
• IRPC(เกียรตินาคิน)มีมุมมองเป็นบวกต่อการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจโดยการทำธุรกิจพัฒนาที่ดิน ซึ่งนอกจากจะเพิ่มรายได้แล้ว ยังสร้างกระแสเงินสด และลดความกดดันจากธุรกิจปิโตรเคมีที่มีความผันผวนจากราคาขายผลิตภัณฑ์ได้ดี สำหรับประเด็นบวกในระยะสั้น คาดว่ากำไรปกติในไตรมาสสุดท้ายยังมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากโครงการขยายกำลังการผลิตสินค้า เป็นปัจจัยหนุนผลประกอบการ พร้อมให้มูลค่าเหมาะสม 4.68 บาท
• SAMTEL(บัวหลวง)"ซื้อ"เป้า 21 บาท คืบหน้าโครงการติดตั้งระบบคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า(APPS) หลังจากกรมการบินพลเรือนอนุมัติค่าธรรมเนียมในวันที่ 19 พ.ย.ถือว่าเป็นปัจจัยบวกต่อ SAMTEL โดย SAMTEL จะรับรู้รายได้ค่าธรรมเนียมจากโครงการ APPS จำนวน 12 บาทต่อผู้โดยสารต่อเที่ยว คาดโครงการ APPS จะส่งผลให้กำไร SAMTEL เพิ่มขึ้น 7% ต่อปี และราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นอีก 1 บาท