ตลาด mai รับ TMILL เทรดวันแรก 23 พ.ย. ระดมทุนขยายกำลังผลิต-ชำระเงินกู้

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 21, 2012 14:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บมจ.ที เอส ฟลาวมิลล์ (TMILL) ผู้ผลิตและจำหน่ายแป้งสาลี จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันที่ 23 พ.ย.นี้

TMILL เป็นบริษัทย่อยของ บมจ. ไทยชูการ์ เทอร์มิเนิ้ล (TSTE) ที่เล็งเห็นประโยชน์ในการนำบริษัทย่อยเข้าจดทะเบียน (Spin off) เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน รองรับการขยายตัวทางธุรกิจ โดย TMILL ประกอบธุรกิจโรงงานผลิตและจำหน่ายแป้งสาลี ภายใต้ตราสินค้าของบริษัทกว่า 10 ตราสินค้า อาทิ แป้งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตราเส้นทอง แป้งบะหมี่สดตราเส้นหยก แป้งบะหมี่สดตราเส้นเหลือง แป้งขนมปังตราปังแดง แป้งขนมปังตราปังเหลือง เป็นต้น

“ธุรกิจของ TMILL เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหาร จึงถือว่าเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตไปพร้อมกับความต้องการในการบริโภคของประเทศ"นายชนิตร กล่าว

TMILL มีทุนชำระแล้ว 285 ล้านบาท มีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 200 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 85 ล้านหุ้น โดยบริษัทเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อผู้ถือหุ้นเดิมของ TSTE จำนวน 16,747,160 หุ้น เมื่อวันที่ 9-13 พ.ย.55 และเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO)จำนวน 68,252,840 หุ้น เมื่อวันที่ 14-16 พ.ย.55 ในราคาหุ้นละ 3.10 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวม 263.50 ล้านบาท โดยมีบริษัทที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบล.เอเซีย พลัส (ASP)เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

ด้านนายชาญกฤช เดชวิทักษ์ กรรมการผู้จัดการ TMILL เปิดเผยว่า การระดมทุนครั้งนี้บริษัทจะนำเงิน 140 ล้านบาท ไปชำระคืนเงินกู้ และอีก 123.50 ล้านบาท ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน อีกทั้งเตรียมพร้อมขยายกำลังการผลิต ซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์สำหรับผลิตแป้งสาลี รวมทั้งถังไซโลสำหรับเก็บวัตถุดิบข้าวสาลีและแป้งสาลี เพื่อรองรับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจาก 250 ตันข้าวสาลีต่อวัน เป็น 500 ตันข้าวสาลีต่อวัน

หลัง IPO ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ TMILL 3 รายแรก ได้แก่ TSTE ถือหุ้น 69.34% บมจ.น้ำตาลขอนแก่น(KSL) ถือหุ้น 2.19 % นายวัชระ แก้วสว่าง ถือหุ้น 1.11% ราคา IPO ของ TMILL ในราคาหุ้นละ 3.10 บาท ตามข้อมูลที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวนมีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) 13.76 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิต่อหุ้น 8 ไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจาก 4 ไตรมาสที่ผ่านมามีเหตุการณ์น้ำท่วม และไฟไหม้เกิดขึ้น ทำให้ผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามปกติของบริษัท จึงคำนวณกำไรสุทธิ เฉลี่ย 8 ไตรมาส ตั้งแต่ 1 ก.ค.53-30 มิ.ย.55 หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทหลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ ซึ่งเท่ากับ 285 ล้านหุ้น คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.23 บาท

บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลของงบการเงินเฉพาะ และหลังหักสำรองตามกฎหมาย และเงินสะสมอื่นๆ ตามที่บริษัทกำหนด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ