นายนริศ เชยกลิ่น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าปี 56 ยอดขายเติบโต 15% จากปีนี้ เป็นการเติบโตจากการเปิดศูนย์การค้าใหม่ในปีนี้ 3 แห่งและจะรับรู้รายได้เต็มที่ในปี 56 ขณะที่สาขาเดิมก็ยังเติบโตได้ดี และบริษัทยังสามารถปรับขึ้นค่าเช่าได้ในการทำสัญญาใหม่
ประกอบกับ บริษัทมีแผนจะเปิดศูนย์การค้าใหม่เพิ่มขึ้นอีก 3 แห่งในปีหน้า คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 1.5 หมื่นล้านบาท ยังไม่รวมการเปิดศูนย์การค้าในต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจเบื้องต้น(MOU)กับนักลงทุนมาเลเซียเพื่อร่วมทุนตั้งศูนย์การค้าใหม่ 1 แห่ง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างทำ Due Diligence คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปีนี้หรือต้นปี 56 จากนั้นจะเซ็นสัญญาร่วมทุนกัน
นอกจากนั้น บริษัทยังก็มองโอกาสการลงทุนในอินโดนีเซีย พม่า และเวียดนาม ส่วนที่จีนปรับแผนการลงทุนเป็นการซื้ออาคารที่สร้างไม่เสร็จแต่อยู่ในทำเลที่ดีมาพัฒนาต่อเป็นศูนย์การค้า เพราะการลงทุนน้อยกว่าและใช้เวลาน้อยกว่าซื้อที่ดินมาพัฒนาเอง เนื่องจากราคาที่ดินในประเทศจีนปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ แผนนี้จึง wait&see ไปก่อน แต่ก็คาดว่าจะเริ่มเห็นรายได้จากต่างประเทศปี 58
นายนริศ เปิดเผยอีกว่า บริษัทได้ซื้อที่ดินย่านบางใหญ่ จ.นนทบุรีราว 100 ไร่ติดกับเส้นทางรถไฟฟ้า คาดว่าจะพัฒนาเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ใกล้เคียงเซ็นทรัลเวิลด์ โดยมีพื้นที่ราว 2 แสน ตร.ม.คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปลายปี 57 มูลค่าก่อสร้างรวมค่าที่ดินราว 7,000 ล้านบาท ถือเป็นการเดินตามกลยุทธ์ที่จะเปิดศูนย์แถบชานเมืองและแนวรถไฟฟ้า หลังจากศูนย์การค้าเซ็นทรัลพระราม 9 ถือว่ามีผลประกอบการดีเกินคาด
บริษัทยังมีเป้าหมายที่จะเปิดศูนย์การค้าอีก 4 แห่งในปี 57 โดยอาจจะเป็นศูนย์การค้าขนาดเล็ก ใช้เงินลงทุนรวมประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งตามแผนงานของบริษัทจะพยายามเปิดศูนย์การค้าใหม่ให้ได้ปีละ 3-4 แห่ง เพื่อไปสู่เป้าหมายปี 58 มีศูนย์การค้า 30 แห่ง จากสิ้นปีนี้ 20 แห่ง
นายนริศ กล่าวอีกว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการนำศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงใหม่ และเซ็นทรัลรามอินทราขายเป็นสินทรัพย์ของกองทุนอสังหาริมทรัพย์(CPNRF)ในปี 56 และคาดว่าในปีถัดไปก็จะนำสินทรัพย์ขายเข้ากองทุนฯเพิ่มเติมอีก โดยในระยะ 3 ปีข้างหน้านี้บริษัทจะมีรายได้และกำไรจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนฯทุกปี