บริษัทคาดว่าในไตรมาส 1/56 จะได้ข้อสรุปแผนขยายโรงไฟฟ้าเควซอน จากเดิมที่คาดว่าจะได้ข้อสรุปในไตรมาส 4/55 และมีแผนจะร่วมมือกับพันธมิตรเกาหลีในการตั้งโรงงานผลิต Wood Pellet ราว 3 แห่งในช่วงปลายปี 56 คาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่เกิน 600 ล้านบาท
นายสหัส ประทักษ์นุกูล กรรมการผู้จัดการ EGCO กล่าวว่า ในปี 56 ค่าความพร้อมจ่ายไฟ(AP)ไม่ลดลง และบริษัทจะรับรู้รายได้เต็มปีในโรงไฟฟ้าเควซอน ซึ่งบริษัทได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 98% จาก 52.125% ในเดือนมิ.ย. 55 และเหมืองถ่านหิน มานัมบัง เมาราอีนิม ในสัดส่วน 40%ที่อินโดนีเซีย ซึ่งได้เข้าซื้อขายและโอนหุ้นเสร็จเมื่อ 16 ต.ค. 55
นอกจากนี้ ในปีหน้าจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเข้ามาเพิ่มอีก 50 เมกะวัตต์(ตามสัดส่วนถือหุ้น) ทั้งหมดเป็นพลังงานทดแทน ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ NED ขนาด 3 เมกะวัตต์ ส่วนขยายบริษัทจี พาวเวอร์ซอร์ซ GPS(4) ขนาด 4 เมกะวัตต์ ซึ่ง 2 โครงการนี้จะเข้ามาในช่วงต้นปี 56
ขณะที่โรงไฟฟ้าจีเดค (GIDEC) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานขยะชุมชนหาดใหญ่ ขนาด 3 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานลม ของบริษัท เทพพนา วิน ฟาร์ม (TWF) ขนาด 12 เมกะวัตต์ ทั้ง 2 โครงการจะรับรู้ได้ในไตรมาส 2/56 ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ ของบริษัทยันฮี เอ็กโก โฮลดิ้ง (YEH) ขนาด 28 เมกะวัตต์ คาดรับรู้ปลายปี 56
สำหรับผลประกอบการปี 55 มั่นใจว่ากำไรบรรลุเป้าหมายที่จะรักษาระดับไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาท โดยในงวด 9 เดือนแรก EGCO มีกำไรก่อนผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน(FX) ไม่นับรวมค่าใช้จ่ายจากรายการพิเศษ จำนวน 5.36 พันล้านบาท
ปัจจุบัน EGCO มีโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วจำนวน 20 แห่ง รวมกำลังการผลิต 4,708 เมกะวัตต์และ มีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา จำนวน 10 แห่ง กำลังการผลิต 1,486 เมกะวัตต์ รวมทั้งหมดมีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 6,194 เมกะวัตต์
นายสหัส กล่าวว่า ในปีหน้าบริษัทตั้งงบลงทุนอย่างน้อย 1 หมื่นล้านบาทสำหรับโครงการที่มีแผนงานแล้ว ไม่นับรวมการซื้อกิจการใหม่ และโรงไฟฟ้าเควซอนส่วนต่อขยายในฟิลิปปินส์
ทั้งนี้ บริษัทจะลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Solarco Solar Power (ถือหุ้น 49%) จำนวน 6.6 พันล้านบาท กำลังการผลิต 57 เมกะวัตต์ , โครงการพลังงานลม TWF (ถือหุ้น 90%) กำลังการผลิต 6.9 เมกะวัตต์ ใช้เงิน 500-600 ล้านบาท โครงการโรงไฟฟ้าขนอม (ถือหุ้น 100%) วางเงินล่วงหน้าให้ผู้รับเหมาเริ่มก่อสร้าง 2 พันล้านบาท จากเงินลงทุนทั้งโครงการ 2.5 หมื่นล้านบาทซึ่งจะทยอยจ่ายจนกว่าจะสร้างเสร็จในปี 59 นอกนั้นเป็นโครงการโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก 2 โรง NED และ GIDEC
ขณะเดียวกันบริษัทมองหาโอกาสเข้าลงทุนกิจการทั้งในและต่างประเทศ โดยในประเทศเป็นโครงการพลังงานลมขนาดประมาณ 200 เมกะวัตต์ โดยจะเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วน 90% คาดว่าจะได้ข้อสรุปต้นปี 56 และเริ่มผลิตได้ในปี 57-58
และต่างประเทศ บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาการดำเนินส่วนต่อขยายโรงไฟฟ้าเควซอน กำลังการผลิต 500 เมกะวัตต์ ในส่วนการซื้อขายไฟฟ้าที่แน่นอนภายใต้สัญญา PPA กับ Merelco หรือการไฟฟ้าของฟิลิปปินส์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในไตรมาส 1/56 จากเดิมกำหนดไว้ในไตรมาส 4/55 นอกจากนี้ ในปีหน้าอินโดนีเซียจะเปิดประมูลโรงไฟฟ้า ซึ่งบริษัทจะเข้าร่วมประมูลด้วย
ด้านนายวรวิทย์ โพธิสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจในประเทศ EGCO กล่าวว่า บริษัทได้มองธุรกิจใหม่เป็นโครงการ Wood Pellet ที่ร่วมทุนกับ บริษัท ลัคกี้ แอลจี ของเกาหลี ซึ่งจะส่งออกไปจำหน่ายยังเกาหลีทั้งหมด โดยเป็นการนำไม้โตเร็ว เช่น ยูคาลิปตัส กระถินยักษ์ มาผลิตเป็นเชื้อเพลิงที่ใช้ร่วมกับถ่านหิน เพื่อลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยมองว่าแนวโน้มจะมีความต้องการใช้สูงขึ้น เมื่อเข้าสู่ยุค Green Energy จากที่ยุโรป สหรัฐ เกาหลี และ ญี่ปุ่น มีการนำมาใช้มากขึ้น
บริษัทคาดว่าจะจัดตั้งโรงงาน 3 แห่ง ซึ่งแต่ละแห่งจะมีกำลังการผลิต 6 หมื่นตัน/ปี ใช้เงินลงทุนรวมไม่เกิน 600 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มได้ในปลายปี 56 ซึ่งจะส่งออกไปจำหน่ายในราคา 100 เหรียญสหรัฐ/ตัน ขณะที่ตลาดกลางยุโรปขายที่ 140 ยูโร/ตัน