ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ดีดตัวขึ้น 48.38 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 12,836.89 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 3.22 จุด หรือ 0.23% ปิดที่ 1,391.03 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 9.87 จุด หรือ 0.34% ปิดที่ 2,926.55 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลยืนยันว่า อิสราเอลได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงกับกลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นกลุ่มนักรบชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาแล้ว โดยนายเนทันยาฮูกล่าวกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐว่า การทำข้อตกลงครั้งนี้มีเป้าหมายที่จะสร้างเสถียรภาพในภูมิภาค และหลังจากนั้นไม่นาน รมว.ต่างประเทศสหรัฐและอียิปต์ ออกแถลงการณ์ยืนยันเช่นเดียวกันว่า อิสราเอลและกลุ่มฮามาสได้ทำข้อตกลงหยุดยิงแล้ว
ข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง หลังจากที่เหตุการณ์สู้รบระหว่างอิสราเอลและฮามาสในช่วงก่อนหน้านี้ ได้สั่นคลอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม แรงบวกได้ถูกสกัดลงหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวน โดยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 41,000 ราย แตะที่ 410,000 รายในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 17 พ.ย. แต่ก็ยังอยู่เหนือระดับ 400,000 ราย ติดต่อกัน 2 สัปดาห์เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี เนื่องจากพายุแซนดี้ที่พัดถล่มชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐได้ส่งผลต่อหน้าที่การงานของผู้คนจำนวนมาก
ขณะที่รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐช่วงท้ายเดือนพ.ย.ของสหรัฐเพิ่มขึ้นแตะ 82.7 ในเดือนพ.ย. จาก 82.6 ในเดือนต.ค. แต่ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่ารายงานช่วงต้นเดือนพ.ย.ที่ระบุว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐอยู่ที่ 84.9 และต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 84.5
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่ประชุมรัฐมนตรีคลังยูโรโซนไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือกรีซในการประชุมเมื่อวานนี้ และได้เลื่อนการตัดสินใจดังกล่าวออกไปเป็นวันจันทร์ที่ 26 พ.ย. ขณะที่นักลงทุนกังวลว่าหากกรีซไม่ได้รับเงินกู้ 4.4 หมื่นล้านยูโร ก็อาจจะทำให้เศรษฐกิจกรีซล่มสลายภายในสิ้นปีนี้ และอาจจะบีบให้กรีซต้องออกจากกลุ่มยูโรโซน นอกจากนี้ ยังอาจจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อระบบการเงินทั่วโลกด้วย
หุ้นฮิวเล็ตต์-แพคการ์ด (HP) พุ่งขึ้น 2% ขณะที่หุ้นเบสท์ บาย ดิ่งลง 3.26% หลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของเบสท์ บาย ภายหลังจากที่บริษัทเปิดเผยรายได้จากการดำเนินงานร่วงลงอย่างหนัก
*ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีที่ 22 พ.ย. เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving) และจะปิดทำการซื้อขายเร็วกว่าปกติ 3 ชั่วโมงในวันศุกร์ที่ 23 พ.ย.