นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน คาดว่า เช้านี้มีโอกาสเทคนิคเคิลรีบาวน์ เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามา โดยเป็นการเก็งกำไรรายตัวมากกว่า เช่นกลุ่ม Commudity ที่ราคาน้ำมันกระเตื้องขึ้นทำให้หุ้นโรงกลั่นหรือปิโตรฯ ขยับขึ้นมาบางส่วน และกลุ่มธนาคาร นอกจากนี้ก็จะต้องรอเรื่องของความชัดเจนในส่วนของสื่อสารต่อไปอีกระยะหนึ่ง
ขณะที่ตลาดภูมิภาค แกว่งตัวบวก-ลบ คละกัน แต่ยังไม่มีอะไรโดดเด่นมากนัก ยกเว้นประเทศญี่ปุ่นที่ใช้กลุ่มส่งออกด้วยค่าเงินเยนที่อ่อนค่า และคาดว่าจะยังไม่มีปัจจัยอะไรใหม่ๆเข้ามาในวันนี้
พร้อมให้แนวรับที่ 1,265 จุด แนวต้าน 1,282-1,285 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(21 พ.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 12,836.89 จุด เพิ่มขึ้น 48.38 จุด(+0.38%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,391.03 จุด เพิ่มขึ้น 3.22 จุด(+0.23%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 2,926.55 จุด เพิ่มขึ้น 9.87 จุด(+0.34%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 113.80 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 71.23 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 28.31 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 10.62 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 13.16 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 4.08 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 1.75 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 6.70 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดเมื่อวานนี้(21 พ.ย.)1,276.39 จุด ลดลง 0.02 จุด(-0.00%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 132.97 ล้านบาท เมื่อ 21 พ.ย.55
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(21 พ.ย.) ที่ 87.38 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.63 ดอลลลาร์หรือ 0.7%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์วานนี้(21 พ.ย.) ปิดที่ 5.0 เหรียญฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิดตลาดเช้าที่ระดับ 30.69/71 ไร้ปัจจัยใหม่-รอดูการแก้ปัญหาหนี้กรีซ
- ทีมเศรษฐกิจแบงก์ชาติประเมินปัญหาหน้าผาการคลัง มีทางออก คาดรัฐบาลสหรัฐเจรจากันได้ เชื่อว่าไม่กระทบเศรษฐกิจ ร้ายแรงชี้ความไม่ชัดเจนเริ่มส่งผลต่อความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ และภาคเศรษฐกิจจริงของสหรัฐแล้ว ขณะที่ "เบอร์นันเก้" เตือนหน้าผาการคลังคุกคามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ชี้ เฟดไม่มีเครื่องมือรับสถานการณ์ที่เลวร้าย
- รัฐบาลไทยต้อนรับจีนยิ่งใหญ่ "ปู" ชวนร่วมลงทุนบิ๊กโปรเจกต์ ทั้งเขตเศรษฐกิจทวาย รถไฟความเร็วสูง ระบบป้องกันน้ำท่วม ด้าน "เวิน เจียเป่า" ยาหอมคืนบริหารประเทศสำเร็จพาไทยฟื้นตัวเร็ว ก่อนลงนามเอ็มโอยู 4 ฉบับ เพิ่มความร่วมมือด้านต่างประเทศ โอนตัวนักโทษ การศึกษา และข้าว แต่ไร้กรอบปริมาณและเวลาซื้อขาย ยังดีได้เอกชนกู้หน้าเซ็นซื้อขายข้าว 3 แสนตัน มูลค่า7 พันล้าน อ้อนขอครอบครัวแพนด้าอยู่ต่อ จีนมอบกรมป่าไม้พิจารณาปชป.อัดเอ็มโอยูแค่ปุยนุ่น
- เอกชนส่งสัญญาณขึ้นราคาสินค้า 5-10% รับค่าแรง 300 บาท ย้อนรัฐอย่ามาอ้างเหตุผลสั่งเบรกขึ้นราคาอีก เผย SMEs เกือบ 2 ล้านราย อาการหนักแน่ ส่อปิดกิจการตั้งแต่กลางปีหน้าเป็นต้นไป ก่อนลามสู่รายใหญ่ จี้รัฐตั้งกองทุน 5-6 หมื่นล้านบาทชดเชยส่วนต่างค่าแรง "กรณ์"แนะรัฐฉุกคิด ลดประชานิยม "มาร์ค" ไม่เชื่อจะมีมาตรการช่วยได้ทัน
- บริษัทจัดอันดับเครดิตชั้นนำของโลกทั้ง 3 แห่ง คือ บริษัท มูดี้ส์อินเวสเตอร์ เซอร์วิส บริษัทสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) และบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ ต่างเห็นตรงกันที่จะจัดอันดับเครดิตประเทศไทยต่ำกว่าพื้นฐานเศรษฐกิจที่แท้จริง โดยยังคงเครดิตไทยที่ BBB จากที่ควรจะอยู่ระดับ A หรือ AA
- นายธนิต โสรัตน์ รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากการที่รัฐประกาศปรับขึ้นค่าจ้าง 300 บาทต่อวันทั่วประเทศ มีผล 1 ม.ค. 2556 ดังนั้นรัฐบาลก็คงไม่มีเหตุผลที่จะให้เอกชนตรึงราคาสินค้า โดยคาดว่าภาระต้นทุนที่เกิดขึ้นผู้ประกอบการที่สามารถผลักไปยังราคาสินค้าได้ก็จะเลือกดำเนินการ แต่อาจจะไม่ได้ครอบคลุมทั้งหมดก็ตาม ซึ่งเฉลี่ยราคาสินค้าปีหน้าจะขยับ 5-10%
- "สุวิจักขณ์ นาควัชระชัย" เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานคณะทำงานตรวจสอบพฤติกรรมการเคาะราคาประมูล 3จี เปิดเผยว่า ผลการตรวจสอบของคณะทำงานไม่พบว่าเอกชนสมยอมราคา หรือเข้าข่ายฮั้วแต่อย่างใดเพราะเป็นการประมูลตามกติกาของ กสทช. โดยจะเสนอผลสรุปต่อนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. ภายในวันที่ 30 พ.ย.
- "สมาคมตลาดตราสารหนี้" เผยนักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิต่อเนื่อง ปัจจุบันมียอดถือครองตราสารหนี้แตะ 7.04 แสนล้านบาท ชี้ประเด็นหลักคือส่วนต่างดอกเบี้ยไทย-ต่างประเทศ ทิศทางดอกเบี้ยในไทยเป็นเรื่องรองเชื่อแนวโน้มยังเข้าลงทุนตลาดตราสารหนี้ไทยต่อเนื่อง "บลจ.กรุงไทย" เชื่อต่างชาติไม่ทิ้งตลาดทุนไทยทั้งหุ้น-ตราสารหนี้ การขายหุ้นเพราะมีกำไรถือเป็นเรื่องปกติ มองหากมีตลาดอื่นที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าไทย เงินต่างชาติที่จะเข้าไทยอาจจะน้อยลงบ้าง
*หุ้นเด่นวันนี้
- GL-W2 และ CMO-W1 เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่วันนี้(22 พ.ย.)เป็นต้นไป
- ERW(บัวหลวง)"ซื้อ"เป้า 4.20 บาท มีโอกาสปรับเพิ่มประมาณการกำไรจากโรงแรม ไอบิส ใหม่สองแห่งในกรุงเทพที่คาดว่าจะประกาศเร็ว ๆ นี้ และกำไรที่มีนัยสำคัญจากการขายสินทรัพย์ให้กับกองทุนอสังหาฯ พร้อมมั่นใจผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดที่ขาดทุนสุทธิไตรมาส 3/55 และจะตามมาด้วยกำไรในไตรมาส 4/55 และแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่งในไตรมาส 1/56 นอกจากนี้ หุ้นยังซื้อขายต่ำกว่า replacement value ที่ 5.02 บาทต่อหุ้นอยู่มาก
- PTTGC(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)“ทยอยสะสม"เป้า 74 บาท มีมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางธุรกิจสายพาราไซลีน (PX) ในปี 2556 ที่คาดว่าจะเข้าสู่จุดสมดุลมากขึ้น หลัง SINOPEC ชะลอแผนการสร้างโรงงานพาราไซลีนขนาดใหญ่ในจีนออกไป ขณะที่สายธุรกิจโอเลฟินส์ คาดว่าจะฟื้นตัวจากดีมานด์ของจีนที่เพิ่มขึ้นอีกครั้ง จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมทั้ง Valuation ที่ค่อนข้างต่ำ
- RS(เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้า 6.90 บาท แม้ว่าการได้ลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีคของ CTH จะเป็นความเสี่ยงต่อช่อง RS Sport Laliga ของ RS อยู่บ้าง แต่คาดว่าช่องรายการอื่นๆที่ได้รับความนิยมสูงกว่าคู่แข่งรายอื่น ๆ จะทำให้รายได้ค่าโฆษณาของ RS ยังคงทรงตัวสูง และทำให้ธุรกิจสื่อทีวีดาวเทียมเติบโตได้สูงต่อเนื่องในช่วง 2 ปีนี้ จึงปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2555 — 2556 เพิ่มขึ้นจากเดิม