สำหรับผลประกอบการไตรมาส 4/55 เทียบกับไตรมาส 3/55 คาดว่าใกล้เคียงกัน และภาพรวมเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว มูลค่าการซื้อขายสูงขึ้น รายได้ของธุรกิจเติบโตขึ้น มาร์เก็ตแชร์เพิ่มขึ้น ขณะที่ภาระภาษีเงินได้ลดลง
แผนธุรกิจปีหน้าบริษัทจะเน้นการให้บริการ Private Fund, กองทุนอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ขนาดระดมทุนไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท และขยายการลงทุนในหลักทรัพย์ของนักลงทุนไทยในตลาดต่างประเทศ โดยมอง 4 ประเทศ 5 ตลาด ได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง และสหรัฐอเมริกา 2 ตลาด เพื่อเป็นการตอบรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) และเป็นการกระจายความเสี่ยงให้แก่นักลงทุน
นายมนตรี กล่าวถึงทิศทางตลาดหุ้นไทยไตรมาส 4/55 ว่า ตลาดหุ้นไทยคงจะมีการปรับฐาน โดยเป้าดัชนี SET ปีนี้น่าจะอยู่ที่ 1,300 จุด เนื่องจากค่า P/E สูงถึง 14 เท่า ทำให้นักลงทุนไม่กล้าลงทุน เพราะโอกาสทำกำไรมีไม่มาก ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่ส่งผลกระทบ คือสถานการณ์ Fiscal Cliff ของสหรัฐฯ และหนี้สาธารณะในยุโรป
ส่วนปี 56 มีโอกาสที่ดัชนี SET จะขึ้นไปที่ 1,400-1,450 จุด และคาดว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโต 20%
มุมมองต่อหุ้นที่จะมีการเติบโตในปีหน้า นายมนตรี คาดว่า ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายของรัฐบาล และกลุ่มธุรกิจที่มีการไปลงทุนในประเทศรอบๆบ้านเราจะมีความได้เปรียบ เช่น กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และธนาคาร เป็นต้น ส่วนหุ้นกลุ่มธุรกิจบริโภคในประเทศนั้นไม่แนะนำ เนื่องจากมีค่า P/E ที่สูง และมีความเสี่ยงสูงขึ้น