เมื่อปลายเดือนต.ค.ที่ผ่านมา บริษัทร่วมทุนของเมอร์เมดกับบริษัท ซามิล ออฟชอร์ เซอร์วิสเซส คอมปานี(ซามิล) ผู้ให้บริการด้านงานวิศวกรรมใต้ทะเลที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลาง ได้รับสัญญาว่าจ้างงานระยะเวลา 5 ปี มูลค่า 530 ล้านเหรียญสหรัฐ(หรือราว 16,277.36 ล้านบาท) จากบริษัทน้ำมันแห่งซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อให้เป็นผู้ดำเนินการงานตรวจสอบ ซ่อมแซม และบำรุงรักษาแท่นขุดเจาะน้ำมัน พร้อมเงื่อนไขในการขยายระยะสัญญาเพิ่มเติมอีก 2 ปี โดยเมอร์เมดจะได้รับส่วนแบ่งจากรายได้ดังกล่าวประมาณ 60-70% ตลอดระยะเวลา 5 ปี
สัญญาดังกล่าว ครอบคลุมการให้บริการดำน้ำแบบครบวงจร ตั้งแต่การดำน้ำลึกแบบ air/mixed gas การดำสำรวจโดยนักประดาน้ำ การดำสำรวจผ่านยานดำน้ำ การตรวจสอบ และการซ่อมแซมบำรุงรักษาอุปกรณ์ต่างๆ ให้กับแท่นขุดเจาะ โดยอุปกรณ์และยานพาหนะที่ต้องใช้ ประกอบด้วย เรือสนับสนุนปฎิบัติการบนผิวน้ำ 4 ลำ และเรือสนับสนุนปฏิบัติการดำสำรวจอีก 1 ลำ โดยเมอร์เมด จะนำเรือ เอ็ม.วี.เมอร์เมด เอเชียนา ไปร่วมปฏิบัติงานในสัญญานี้ด้วย นอกจากนี้ เมอร์เมด และบริษัท ซับเทค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของเมอร์เมดในตะวันออกกลางก็จะมีส่วนในสัญญาการทำงานนี้ด้วยนักดำน้ำมืออาชีพกว่า 110 คน ยานสำรวจน้ำลึกแบบรีโมทคอนโทรล 3 ลำ และอุปกรณ์สนับสนุนการดำน้ำอีกจำนวนหนึ่ง
และในเดือนต.ค.เช่นเดียวกัน บริษัท เอเชีย ออฟชอร์ ดริลลิ่ง จำกัด(AOD) ซึ่งเมอร์เมดถือหุ้นอยู่ 33.75% ก็สามารถหาสัญญางานขุดเจาะใต้ทะเลให้กับเรือ AOR-1 ได้แล้ว โดยสัญญาฉบับนี้มีมูลค่า 197 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 6,050.26 ล้านบาท) ซึ่งยังไม่รวมค่าจัดเตรียมและขนย้ายอุปกรณ์ขุดเจาะอีก 39.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1,213.67 ล้านบาท) ตลอดระยะเวลา 3 ปี โดยมีเงื่อนไขสำหรับการต่อสัญญาเพิ่มได้อีก 1 ปี
ปฎิบัติการขุดเจาะครั้งนี้จะอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ซีดริล จำกัด (ซีดริล) ในฐานะตัวแทนของ AOD ขณะนี้เรือขุดเจาะ AOR-1 ซึ่งเป็นเรือขุดเจาะสมรรถนะสูงลำที่หนึ่งจากจำนวนทั้งหมด 3 ลำ ยังคงอยู่ในระหว่างการต่อเรือที่อู่ Keppel FELS ในประเทศสิงคโปร์ และมีกำหนดจะเดินทางสู่ประเทศซาอุดิอาระเบีย เพื่อเริ่มปฏิบัติงานในเดือนมิถุนายน 2556
และเมื่อเร็วๆ นี้ ซับเทคซึ่งเป็นบริษัทลูกของเมอร์เมดในประเทศกาตาร์ได้คว้าสัญญาระยะเวลา 5 ปี มูลค่า 25 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 768.15 ล้านบาท) จากบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติชั้นนำอีกรายหนึ่ง โดยทางบริษัทจะส่งเรือ เอ็มวี เมอร์เมด สยามออกปฏิบัติงานภาคสนามเฉลี่ยปีละ 60-100 วันในด้านการบำรุงรักษาซ่อมแซม และจัดส่งอุปกรณ์ความต้องการของลูกค้า
"การลงนามในสัญญามูลค่า 530 ล้านเหรียญ และ 25 ล้านเหรียญนี้ เป็นผลมาจากการกลยุทธ์การดำเนินงานในการล็อคสัญญาระยะยาว และขยายบริการวิศวกรรมใต้ทะเลของเราออกไปสู่ภูมิภาคอื่นๆ นอกเหนือจากน่านน้ำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับภูมิภาคตะวันออกกลางนั้นก็ถือเป็นตลาดที่มีการเติบโตรวดเร็ว และเป็นบริเวณที่เรือและทีมปฏิบัติการใต้น้ำสามารถลงทำงานภาคสนามได้ตลอดทั้งปี ต่างกับในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีช่วงฤดูมรสุมทำให้ทำงานไม่ได้" ม.ล. จันทรจุฑา กล่าว
ด้านนายเฉลิมชัย มหากิจศิริ รักษาการกรรมการผู้จัดการของเมอร์เมด กล่าวว่า สัญญา 3 ฉบับนี้จะสร้างรายได้ กำไร และสภาพคล่องที่แข็งแกร่งให้กับทั้งเมอร์เมดและ AOD เป็นระยะเวลาหลายปีต่อจากนี้
นอกจากนี้ คาดว่ารายได้จากบริการวิศวกรรมใต้ทะเลต่างๆ ของเมอร์เมดจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และบริษัทก็จะคอยมองหาโอกาสที่จะขยายตลาดในบริการเรือขุดเจาะมากขึ้น