ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 0.6% ปิดที่ 271.7 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3498.22 จุด บวก 20.86 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 7244.99 จุด บวก 60.28 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5791.03 จุด บวก 39.00 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนหลังจากเอชเอสบีซี โฮลดิงส์เผย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของจีนในเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้นแตะ 50.4 จากข้อมูลขั้นสุดท้ายที่ 49.5 ในเดือนต.ค. โดยตัวเลขที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมภาคการผลิตมีการขยายตัวจากเดือนก่อนหน้า นับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปีที่ดัชนีอยู่ในระดับที่แสดงถึงการขยายตัว ซึ่งมีแนวโน้มจะช่วยคลายวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวของจีน
นอกจากนี้ ตลาดยังดีดตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนเริ่มคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ของกรีซ หลังจากนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคลของเยอรมนี กล่าวว่ามีแนวโน้มที่จะมีการบรรลุข้อตกลงในการประชุมรัฐมนตรีคลังยุโรปในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ ซึ่งจะปูทางสำหรับการเบิกจ่ายเงินชาวยเหลืองวดต่อไปสำหรับกรีซ
“มีโอกาสที่จะหาทางออกได้ในวันจันทร์" นางแมร์เคลกล่าวกับสภาผู้แทนราษฎรเยอรมนีในระหว่างการอภิปรายงบประมาณ แต่เธอปฏิเสธแนวคิดที่ว่าการดำเนินการขนานใหญ่อาจจะช่วยคลี่คลายวิกฤตดังกล่าว โดยระบุว่าต้องมีการดำเนินมาตรการอย่างเป็นขั้นตอนเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆของกรีซและยูโรโซนโดยรวม
ทั้งนี้ กรีซได้พึ่งพาความช่วยเหลือทางการเงินจากต่างประเทศเพื่อแลกกับมาตรการรัดเข็มขัดที่เข้มงวด ซึ่งรวมถึงการลดรายจ่ายและขยายอายุวัยเกษียณ โดยกรีซกำลังรอเงินช่วยเหลือ 3.15 หมื่นล้านยูโร (4.02 หมื่นล้านดอลลาร์) จากแผนการช่วยเหลือรอบ 2 ของอียู-ไอเอ็มเอฟ ซึ่งได้ยืดเยื้อมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว หุ้นเอสเอบีมิลเลอร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่อันดับสองของยุโรป พุ่งขึ้น 6.4% หลังจากบริษัทเผยผลประกอบการครึ่งปีแรกพุ่งขึ้น 17% ขณะที่หุ้นเดลี เมล์ แอนด์ เจนเนอรัล ทรัสต์ ซึ่งเป็นผู้ตีพิมพ์หนังสือพิมพ์เดลีเมล์ ทะยานขึ้น 11%
หุ้นอัลคาเทล-ลูเซนท์ ทะยานขึ้น 16% ขณะที่หุ้นโนเกียปรับตัวขึ้น 1.3%
ส่วนหุ้นกลุ่มสายการบินปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นอีซีเจ็ท ดีดขึ้น 1.7% หุ้นแอร์ฟรานซ์-เคแอลเอ็ม พุ่งขึ้น 2.6% และหุ้นดอยช์ ลุฟฮันซา พุ่งขึ้น 4.9%