สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 4/55 คาดว่าอยู่ระดับไม่ต่ำกว่าไตรมาส 3/55 ที่เหมือง SGP อยู่ที่ 3 เหรียญสหรัฐ ขณะที่ เหมือง LHI อยู่ที่ 1 เหรียญสหรัฐ ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยในไตรมาส 4/55 เหมือง SGP อาจลงลงจากไตรมาส 3/55 อยู่ที่ 60 เหรียญสหรัฐ/ตัน แต่ LHI ใกล้เคียงไตรมาส 3/55
อย่างไรก็ตามยอมรับว่า ในช่วงครึ่งแรกปี 56 ถือเป็นสถานการณ์ที่น่ากังวลสำหรับบริษัท เพราะหากราคาขายถ่านหินไม่ปรับขึ้น โดยที่บริษัทได้มีการกดมาร์จิ้นลงมาระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้นหากหลังช่วงตรุษจีน ราคาถ่านหินยังไม่ขึ้นถือเป็นการสะท้อนภาคการผลิต ภาคอุตสาหกรรมที่ยังไม่ฟื้นตัว แต่ทั้งนี้มองในช่วงครึ่งหลังปี 56 ราคาขายถ่านหินน่าจะดีขึ้นได้
สำหรับแผนการซื้อเหมืองถ่านหินนั้น มองว่ายังไม่พิจารณา แต่หากราคากลางถ่านหินที่นิวคาสเซิล อยู่ระดับเกิน 95 เหรียญสหรัฐ/ตัน จึงจะกลับมาพิจารณาในเรื่องนี้อีกครั้ง
ขณะที่ธุรกิจเอทานอล ในไตรมาส 4/55 ราคาเอทานอล ได้ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 20 บาท/ลิตร จากไตรมาส 3/55 อยู่ที่ราว 19 บาท/ลิตร และไตรมาส 1/56 ราคาอยู่ที่ 22 บาท/ลิตร แต่ขณะเดียวกัน ราคากากน้ำตาลในไตรมาส 4/55 ได้ปรับขึ้นจากไตรมาส 3/55 ที่อยู่ 3,500-3,600 บาท/ตัน มาเป็น 4,200 บาท/ตัน เช่นกัน ประกอบกับขาดกากน้ำตาลในการผลิต ทำให้เป้าการผลิตในไตรมาส 4/55 ที่ตั้งไว้ 12-13 ล้านลิตร จะผลิตได้ตามเป้าหรือไม่ จากขณะนี้ผลิตได้แล้ว 8 ล้านลิตร
"ตอนนี้เราปิดโรงงานผลิต เนื่องจากขาดกากน้ำตาล แต่คาดว่าไม่เกินวันที่ 10 ธ.ค.55 จะเริ่มการผลิตได้ เพราะเริ่มจะมีกากน้ำตาลมาใช้ผลิต แต่ราคาก็ได้ปรับขึ้นไปที่ 4,200 บาท/ตัน ต้องรอดูว่าจะผลิตได้ตามแผนหรือไม่ ดังนั้นหากยังใช้ราคากากน้ำตาลดังกล่าวอาจทำให้ขาดทุน ตอนนี้อยู่ระหว่างเจรจาบริษัทน้ำมันเพื่อตัดยอดผลิต" นายสีหศักดิ์ กล่าว