บทวิเคราะห์ของ บล.ทิสโก้ ระบุว่า เชื่อว่าสินเชื่อ บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี(SSI) และการออกกฎหมายบัตรเครดิตจะไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อธนาคารกรุงไทย(KTB) ขณะที่แนวโน้มในระยะยาวของ KTB ยังคงแข็งแกร่งเนื่องจากมีเงินทุนและการตั้งสำรองที่สูงเมื่อเทียบกับ SCB และ KBANK ในปี 2558F เราแนะนำให้ “ซื้อ"โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 24 บาท (GGM)
ช่วงที่ผ่านมาราคาของ KTB ลดลง 3.93% สะท้อนความกังวลต่อสินเชื่อของ SSI และผลจาก พ.ร.บ.บัตรเครดิต และไม่คาดว่า KTB SCB และ TISCO จะจัด SSI เป็น NPL เนื่องจากอยู่ในช่วง Grace Period จนถึง 2Q56 และหากสภาพเศรษฐกิจส่งผลกดดันราคาเหล็กและการดำเนินงานของ SSI ทำให้กระแสเงินสดของ SSI ในปี 56 มีปัญหาธนาคารจะสามารถปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งเป็นไปตามระเบียบปกติของธนาคารไทย
และหากทั้ง 3 ธนาคารปรับ SSI เป็น NPL KTB จะต้องตั้งสำรอง 4 พันล้านบาท(80% ของสินเชื่อ) และสามารถจำหน่ายออกได้เนื่องจากการตั้งสำรองไว้เต็มจำนวนแล้วและส่งผลจำกัดต่อผลประกอบการและเงินกองทุน โดยเราคาดว่า KTB จะมีการตั้งสำรอง 8 พันล้านบาทในช่วง 4Q55(ตาม Bloomberg)เพียงพอกับความเสี่ยงของ SSI
ส่วนประเด็นสภาได้เห็นชอบ พ.ร.บ.บัตรเครดิต ซึ่งจะทำให้มีการตรวจด้านดอกเบี้ยที่เข้มงวดขึ้นและส่งผลต่อการเก็บดอกเบี้ยและการทวงหนี้ โดย KTB ถือหุ้น 49% ใน KTC ซึ่งไม่ส่งผลกระทบชัดเจนต่อ KTB เนื่องจาก KTC ไม่มีการแบ่งกำไรให้กับ KTB ตั้งแต่ปี 54 และเราคาดว่าผลประกอบการของ KTC จะคิดเป็น 1.7% ของ KTB เท่านั้นในปี 56F
อนึ่ง ราคา KTB ลงไปต่ำสุด ที่ระดับ 17.10 บาท เมื่อ 22 พ.ย. 55