(เพิ่มเติม) PREB เป้าปี 56 รายได้ 5 พันลบ.โต 25% ขยายทุกด้านทั้งรับเหมา-อสังหาฯ-พีซีเอ็ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 26, 2012 13:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.พรีบิลท์(PREB)ตั้งเป้ารายได้ปี 56 แตะ 5 พันล้านบาท ซึ่งเติบโตถึง 25% สูงกว่าเป้าหมายระยะกลางที่ตั้งไว้ว่าจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 18% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า(ปี 56-58) เนื่องจากงานรับเหมาก่อสร้างที่เป็นรายได้หลักมีแนวโน้มการเติบโตสูง ขณะที่บริษัทลูกทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภายใต้บริษัท บิลท์แลนด์ จำกัด จะมีการลงทุนเปิดโครงการใหม่เพื่อสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง และธุรกิจผลิตแผ่นพื้นและผนังสำเร็จรูปในนาม บริษัท พีซีเอ็ม คอนสตรัคชั่น แมททีเรียล จำกัด มีแผนขยายกำลังการผลิตอีกเท่าตัว เพื่อรองรับความต้องการใช้งานที่เพิ่มสูงขึ้น

บริษัทยังมีแผนแปรสภาพบริษัทลูก คือ บริษัท บิลท์แลนด์ จำกัด เป็นบริษัทมหาชนในปีหน้า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าและรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต พร้อมทั้งมองหาโอกาสความเป็นไปได้ที่เหมาะสมในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET ในอนาคตด้วย

นายชัยรัตน์ ธรรมพีร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PREB เปิดเผยว่า บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้รวมปี 56 ไว้ที่ 5 พันล้านบาท หรือขยายตัวอย่างน้อย 25% จากเป้าหมายปี 55 ที่วางไว้ 4 พันล้านบาท โดยรายได้หลักจะยังมาจากธุรกิจก่อสร้างที่ขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมาจากเป้าหมายเข้าร่วมประมูลงานใหม่ในปีหน้ามูลค่า 5-6 พันล้านบาท โดยบริษัทจะรักษาระดับ Backlog ในปี 56 จะอยู่ 5-6 พันล้านบาท

“เชื่อว่าในปี 56 และอีก 3 ปี ข้างหน้า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังจะไปได้ดี และคอนโดฯที่เป็นพรีเมียมจะยังไปได้ดี จากขนาดครอบครัวที่เล็กลง น้ำมันแพงขึ้น และรถติดมาก ซึ่งทำให้ความต้องการที่จะซื้อคอนโดฯตามสถานีรถไฟฟ้ามากขึ้น ประกอบกับ AEC จะทำให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น ก็จะมีความต้องการที่จะซื้อคอนโดฯ ตามแนวรถไฟฟ้า และอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ มองว่าหากไม่มีปัญหาทางด้านของการเมืองก็จะทำให้เติบโตอย่างต่อเนื่องในปีหน้า"นายชัยรัตน์ กล่าว

นายวิโรจน์ เจริญตรา กรรมการผู้จัดการบริษัท PREB กล่าวว่า เป้าหมายรายได้ในปีหน้าที่ยังไม่หักรายการระหว่างกัน จะมาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง 3,900 ล้านบาท ขยายตัว 20% จาก 3,250 ล้านบาทในปีนี้ บริษัทมีเป้าหมายการรับงานในปี 56 ยังเน้นรับงานภาคเอกชน แบ่งเป็นการรับงานประเภทก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมและอสังหาริมทรัพย์อย่างละ 50% คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ในสัดส่วน 50% ของ backlog เดิมหรือประมาณ 2,500 ล้านบาท และทยอยรับรู้จากงานใหม่บางส่วนมูลค่าประมาณ 1,400 ล้านบาท

ส่วนรายได้จากบริษัท บิลท์ แลนด์ จำกัด ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์คาดว่าจะอยู่ที่ 650 ล้านบาท ขยายตัว 10% จาก 590 ล้านบาทในปีนี้ โดยจะมีการทยอยรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียม เดอะเทมโป ทั้ง 3 โครงการ และแนวราบ 1 โครงการ ที่จะรับรู้รายได้ทั้งหมด 4 โครงการในปี 56 พร้อมทั้งมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ในปีหน้า 2-4 โครงการ มูลค่าโครงการรวมราว 2.5-3 พันล้านบาท

ขณะที่บริษัท พีซีเอ็ม คอนสตรัคชั่นแมททีเรียล (พีซีเอ็ม) ดำเนินธุรกิจผลิตแผ่นพื้น และผนังสำเร็จรูป 528 ล้านบาท ขยายตัว 10% จาก 480 ล้านบาทในปีนี้ และบริษัท บิลท์ฮาร์ท ธุรกิจรับจ้างบริหารนิติบุคคลที่อยู่อาศัย 4 ล้านบาท ขยายตัว 168% จาก 1.47 ล้านบาทในปีนี้

นายชัยรัตน์ กล่าวว่า รายได้หลักในปีหน้าจะยังมาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่เกิดจากการขยายตัวการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกิดจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลและภาวะการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนที่ส่งผลดีต่อภาคการผลิตของประเทศประเทศ มีความจำเป็นที่ภาคการผลิตจะมีการขยายการลงทุนล้วนส่งผลดีให้กับภาครับเหมาก่อสร้างและการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ถึงจะคาดว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจะขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงเหลือ 4-5% จาก 5-6%ในปีนี้ก็ตาม

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ได้แก่ ผู้รับเหมาคุณภาพขาดแคลนและจะทวีความรุนแรงมากขึ้น แรงงานขาดแคลน และราคาวัสดุก่อสร้างที่อาจมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจากราคาพลังงาน บริษัทได้ใช้วิธีบริหารจัดการการสั่งซื้อวัสดุล่วงหน้า และจากการที่มีงานเข้ามามากทำให้ได้เงื่อนไขที่ดี และเพิ่มอำนาจการต่อรองราคาและเงื่อนไขที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อบริษัท ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายวิตกว่าแรงงานต่างชาติอาจกลับไปทำงานในภูมิลำเนา บริษัทยังมั่นใจว่าจะไม่ได้รับผลกระทบอีกอย่างน้อย 3- 5 ปี เนื่องจากไทยยังมีค่าแรงที่สูงกว่า และยังมีเวลาเพียงพอในการปรับตัว

และยังมีการเสริมประสิทธิภาพการบริหารต้นทุนโดยรวม ส่งผลให้อัตราผลกำไรยังคงขยายตัวได้ดี นอกจากนี้หลังจากการก่อสร้างโครงการให้กับบริษัท บิลท์ แลนด์ที่มีกำหนดแล้วเสร็จภายในปี 56 จะทำให้มีกำลังแรงงาน และกำลังการผลิตเพียงพอเพื่อรองรับการรับงานใหม่เพิ่มเติม

ส่วนผลประกอบการปี 55 คาดว่ารายได้มีโอกาสทะลุเป้าหมายล่าสุดที่ 4 พันล้านบาท ขณะที่กำไรจะเติบโตได้มากกว่า 50% จากปีก่อน เนื่องจากช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้บริษัทมีรายได้รวม 3,035.54 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 20% และมีกำไรสุทธิ 153.49 ล้านาท ขยายตัว 74% เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ดีและฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากอุทกภัยเมื่อปลายปี 54 ปัจจุบันมีงาน Backlog อยู่ 5800 ล้านบาทจะทยอยรับรู้ได้ในปี 56 ประมาน 3,900 ล้านบาท และจะรับรู้ในปี 57 อีก 20%

นายวิลาศ ปิลกศิริ กรรมการผู้จัดการบริษัทพีซีเอ็ม คอนสตรัคชั่น แมททีเรียล จำกัด กล่าวว่า การกลับมาฟื้นตัวของอสังหาริมทรัพย์ประเภทแนวราบหลังเหตุการณ์อุทกภัย รวมทั้งปัญหาการขาดแคลนแรงงาน จะส่งผลดีต่อยอดขายแผ่นพื้น ผนังสำเร็จรูปของบริษัท และเป็นโอกาสในการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่ให้กับบริษัทฯ

“อสังหาริมทรัพย์แนวราบ จะมีการขยายตัวในปีหน้ามากถ้าหากว่าประชาชนมีกำลังซื้อและความเชื่อมั่นกลับมา ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีของเรา และเป็นโอกาสให้กับพีซีเอ็ม ในการหาลูกค้าใหม่ๆที่ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์"นายวิลาศ กล่าว

แผนธุรกิจปีหน้าบริษัทฯยังจะต้องเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต มุ่งเน้นการบริหารต้นทุนการผลิตให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ขณะที่อยู่ระหว่างการศึกษาขยายกำลังการผลิตพร้อมกับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ประเภทใหม่ป้อนให้กับตลาดที่กำลังประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงานในขณะนี้ด้วย คาดว่าจะลงทุนราว 80 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังผลิตมากขึ้นจากเดิมที่ผลิตได้ 250 หลัง เป็น 500 หลัง เริ่มเดินเครื่องกำลังผลิตใหม่เต็มที่ในช่วงต้นปี 57


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ