ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำสัปดาห์: มีมูลค่าการซื้อขายรวม 341,451 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 26, 2012 14:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (19 — 23 พฤศจิกายน 2555) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้มีมูลค่ารวม 341,451 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 68,290 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ประมาณ 9% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 81% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 275,622 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ในขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 53,012 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 6,224 ล้านบาท หรือคิดเป็น 16% และ 2% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ

สำหรับพันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB196A (อายุ 6.5 ปี) LB137A (อายุ 0.7 ปี) และ LB176A (อายุ 4.6 ปี) มีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 8,167 ล้านบาท 7,062 ล้านบาท และ 6,176 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนพันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือรุ่น CB12D11A (อายุ 14 วัน) CB13221B (อายุ 91 วัน) และ CB12D20C (อายุ 28 วัน) มูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 40,098 ล้านบาท 32,727 ล้านบาท และ 25,959 ล้านบาท ตามลำดับ

ทางด้านหุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (PTTEP135A (AAA)) มูลค่าการซื้อขาย 804 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท บ้านปู จำกัด มหาชน (BANPU184A (AA-)) มูลค่าการซื้อขาย 564 ล้านบาท และ หุ้นกู้ของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP173A (AA- (tha))) มูลค่าการซื้อขาย 345 ล้านบาท ตามลำดับ

เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield Curve) ปรับตัวลดลงเล็กน้อยในตราสารอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป ในช่วง -1 ถึง -2 Basis Point (100 Basis point มีค่าเท่ากับ 1%) แต่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในตราสารอายุ 1 เดือน ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาดตราสารหนี้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีทั้งปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน โดยสถานการณ์ในยุโรปได้กลับมาสร้างความกังวลให้แก่นักลงทุนอีกครั้ง หลังจากการที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Moody’s ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศฝรั่งเศสลงจากที่ระดับ AAA ลงสู่ระดับ Aa1 พร้อมทั้งให้แนวโน้มเป็นเชิงลบ จากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มแย่ลง และนอกจากนี้นักลงทุนยังคงจับตาผลการประชุมสุดยอดผู้นำยุโรปว่าจะมีมาตรการใดออกมาแก้ไขปัญหาวิกฤตหนี้ยุโรป

สำหรับปัจจัยในประเทศ สภาพัฒน์ฯได้แถลงตัวเลข GDP ของไตรมาส3 ปี 2555 ว่าขยายตัว 3.0% ซึ่งชะลอตัวจากในไตรมาสที่ 2 ที่ขยายตัว 4.4% นอกจากนี้การที่อัตราผลตอบแทนปรับตัวลดลงนั้น เป็นผลมาจากผลการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนค่อนข้างมาก โดยมีค่า BCR อยู่ที่ 3.04 เท่าของวงเงินประมูล และในส่วนของการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 28 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งเป็นการประชุมนัดสุดท้ายของปีนี้ ตลาดคาดว่า กนง.น่าจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินในการประชุมครั้งนี้

ทั้งนี้ ในสัปดาห์นี้นักลงทุนต่างชาติมียอด ซื้อสุทธิ ในตราสารหนี้ทุกประเภทรวมกัน (ทั้งระยะสั้น และระยะยาว) 5,147 ล้านบาท แต่หากพิจารณาเฉพาะการซื้อขายในตราสารหนี้ระยะยาว (อายุคงเหลือมากกว่า 1 ปี) จะพบว่าเป็นการซื้อสุทธิถึง 6,645 ล้านบาท ทางด้านนักลงทุนรายย่อย (Individual) มียอดขายสุทธิ 20 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ