นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ สำนักวิจัยทิสโก้ คาดว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้จะปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากวานนี้ ปัจจัยหลักมาจากผลการประชุม รมว.คลังในกลุ่มยูโรโซนและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) ได้บรรลุข้อตกลงในการลดหนี้สินเพื่อช่วยเหลือกรีซ
ประกอบกับ นายกรัฐมนตรีได้ประกาศยกเลิกการใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร ในพื้นที่เขตดุสิต พระนคร และป้อมปราบศัตรูพ่าย ตั้งแต่เมื่อวานนี้ น่าจะทำให้ sentiment วันนี้เป็นบวก
มองว่าวันนี้ดัชนี SET มีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1,300 จุด ส่วนแนวรับให้ไว้ที่ 1,288-1,290 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(26 พ.ย.) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 12,967.37 จุด ลดลง 42.31 จุด (-0.33%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,406.29 จุด ลดลง 2.86 จุด(-0.20%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 2,976.78 จุด เพิ่มขึ้น 9.93 จุด(+0.33%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 17.81 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 107.90 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 1.37 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 8.63 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 12.11 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ไม่เปลี่ยนแปลง, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.24 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย เพิ่มขึ้น 0.70 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดเมื่อวานนี้(26 พ.ย.)1,290.85 จุด เพิ่มขึ้น 9.15 จุด(+0.71%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 711.12 ล้านบาท เมื่อ 26 พ.ย.55
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(26 พ.ย.) ที่ 87.74 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 0.54 ดอลลลาร์หรือ 0.6%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์วานนี้(26 พ.ย.) ปิดที่ 5.5 เหรียญฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิดตลาดเช้าที่ระดับ 30.68/69 แนวโน้มแข็งค่า
- "ทีดีอาร์ไอ"เปิดข้อมูลปี2554 บริษัทยักษ์ใหญ่ของไทย 48 แห่ง ลุยลงทุนนอก เน้นอาเซียน เผยตั้งบริษัทลูกและบริษัทร่วมทุนมากถึง 216 บริษัท มูลค่า 5 แสนล้านบาท
- รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แสดงความเป็นห่วงภาวะหนี้ครัวเรือนของประชาชนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลในไตรมาส 3 มียอดคงค้าง 2.74 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.4% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
- คณะกรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กส.)จำนวน 182 คน จากจำนวน 348 คน ใช้พื้นที่หน้าห้องประชุม 1-2 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จัดประชุมคณะกรรมการตามกฎหมายจัดตั้งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ที่กำหนดให้ต้องมีผู้เข้าประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมด และลงมติ 139 เสียง ปลดนายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ออกจากตำแหน่งประธานส.อ.ท. แต่ยังคงเป็นกรรมการ ส.อ.ท.ส่งผลให้คณะกรรมการบริหาร 70 คน หลุดจากตำแหน่งไปพร้อมกัน
- ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันตลาดโลก ซึ่งหากมีทิศทางปรับขึ้นอาจมีการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณาปรับลดอัตราการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันดีเซลลดลง เพื่อชะลอการปรับขึ้นราคาขายปลีกดีเซลไม่ให้เกินลิตรละ 30 บาท จากปัจจุบันที่รักษาระดับราคาไว้ที่ 29.79 บาท/ลิตร
- อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า การส่งออกสินค้าไทยเดือน ต.ค. 2555 มีมูลค่า 1.95 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 15.57% จากเดือนเดียวกันปีก่อน ขยายสูงสุดรอบ 14 เดือน เพราะฐานการส่งออกปีก่อนต่ำและอุตสาหกรรมฟื้นตัวจากภาวะน้ำท่วม
- ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)หารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.)เพื่อออกประกาศกำหนดมาตรการกำกับดูแลการขายผลิตภัณฑ์ด้านหลักทรัพย์ และด้านประกันภัยผ่านธนาคารพาณิชย์ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา ให้มีผลบังคับใช้กับธนาคารพาณิชย์ที่ได้รับอนุญาตขายผลิตภัณฑ์ด้านธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจประกันภัยจากก.ล.ต. และ คปภ.ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.56 เป็นต้นไป
*หุ้นเด่นวันนี้
- บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส(JMT)เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์วันนี้วันแรก, บล.เอเชียพลัส จัดเป็นหุ้น Growth stock ที่มีแนวโน้มการเติบโตของกำไรสุทธิเชิงรุกในระยะ 3 ปีข้างหน้า พร้อมทั้งมี ROE เฉลี่ยสูงเกิน 20% ในแต่ละปี อีกทั้งยังมีการจ่ายเงินปันผลระดับสูงด้วยคาดการณ์ payout ratio ที่ระดับเฉลี่ยถึง 70% p.a. จะให้ Div yields เฉลี่ยที่สูงถึง 6-10% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า พร้อมกำหนด Fair value ปี 2556 ไว้ที่ 6.88 บาท จากราคา IPO ที่ 4.00 บาท
- LOXLEY(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 7.10 บาท ราคาหุ้นยังน่าสนใจสำหรับการเก็งกำไรระยะสั้นเพื่อรอขายทำกำไรในวันที่ 30 พ.ย.ซึ่งดัชนี MSCI มีผลบังคับใช้ คาดจะเริ่มทยอยประกาศผลประมูลงานในต่างประเทศมูลค่ารวมกว่า 1.6 หมื่นล้านบาทอย่างต่อเนื่องช่วงที่เหลือของปี พร้อมคาดกำไรสุทธิ 4Q55 จะดีที่สุดของปี ยังมี Upside Risk จากการชนะงานเพิ่มเติมทั้งใน-ต่างประเทศมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท
- IVL(บัวหลวง)"ซื้อ"เป้า 30 บาท จากโรดโชว์ที่ฮ่องกงและสิงคโปร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นักลงทุนสถาบันยังคงมีมุมมองในเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตระยะยาวของ IVL พร้อมคาดการณ์กำไรหลักกลับมาฟื้นตัวในไตรมาส 1/56 และงบดุลที่แข็งแกร่งจะช่วยหนุนการเติบโตของบริษัทในอนาคต
- UEC(เกียรตินาคิน)"ซื้อเก็งกำไร"เป็นหุ้นในตลาด mai ที่มีกำไร 3Q55 และ 9M55 สูงสุดติด 1 ใน 5 อันดับแรก อีกทั้งยังมีผลตอบแทนเงินปันผลสูงสุดถึง 5% ขณะที่หุ้นยังค่อนข้างถูก การทำธุรกิจโดดเด่นจากการรับเหมาก่อสร้างที่ใช้ความชำนาญเป็นพิเศษ ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นในงวด 9M55 ทรงตัวสูงถึง 24% พร้อมให้แนวรับ 3.86/3.80 บาท แนวต้าน 4.00/4.06 บาท
- SCB(เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้า 195 บาท สินเชื่อน่าจะขยายตัวได้จากทุกประเภท โดยเฉพาะสินเชื่อรายย่อย โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่ยอดขาย รถยนต์ทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง จะเป็นธนาคารที่มีกำไรสุทธิสูงที่สุดในปี 2555 ที่ 4 หมื่นล้านบาท และคาดว่าจะมีการจ่ายปันผลสำหรับงวดปี 2555 ในอัตราหุ้นละ 4.25 บาท คิดเป็นผลตอบแทนเงินปันผล 2.7%